
วิกฤตของการลงทุนแบบดั้งเดิม
กับดักความเชื่อเดิม: การกระจายความเสี่ยงในหุ้น พันธบัตร หรืออสังหาริมทรัพย์ ไม่ปลอดภัยอย่างที่คิด เพราะระบบถูกสร้างบน "ความไว้วางใจ" ในรัฐบาลและธนาคาร ซึ่งสามารถถูกทำลายได้
เงินเฟ้อคือฆาตกรเงียบ: เปรียบผลตอบแทนเป็นก้อนน้ำแข็งที่ละลายเร็วเพราะเงินเฟ้อ การพิมพ์เงินของธนาคารกลางทำให้มูลค่าเงินออมลดลงเรื่อยๆ
ระบบที่ไม่เป็นธรรม: การเงินแบบเดิมเอื้อประโยชน์ต่อคนรวยและผู้มีอำนาจ ในขณะที่ชนชั้นกลางแบกรับความเสี่ยง และอาจถูกอายัดทรัพย์สินหรือควบคุมโดยรัฐได้ตลอดเวลา
ความขาดแคลนที่แท้จริง: มีจำนวนจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญ ไม่สามารถพิมพ์เพิ่มได้เหมือนเงินกระดาษ
กระจายอำนาจและโปร่งใส: ไม่ถูกควบคุมโดยหน่วยงานกลาง ใช้ระบบรหัสทางคณิตศาสตร์ (Blockchain) ที่ตรวจสอบได้ทุกคนและแก้ไขย้อนหลังไม่ได้
ดีกว่าทองคำ: มีคุณสมบัติสะสมมูลค่าเหมือนทองคำ แต่เหนือกว่าตรงที่จัดเก็บง่าย โอนย้ายสะดวกและรวดเร็วทั่วโลก
สินทรัพย์ที่ไม่ใช่หนี้สิน: แตกต่างจากสินทรัพย์อื่นที่มักผูกพันกับหนี้สิน บิทคอยน์คือทรัพย์สินที่เป็นเอกเทศอย่างแท้จริง
แม้จะมี Altcoin มากมาย แต่ส่วนใหญ่ขาดความโปร่งใสและมีความผันผวนสูง บิทคอยน์จึงเป็นสินทรัพย์เดียวที่พิสูจน์ตัวเองได้ผ่านกาลเวลาและมีความปลอดภัยสูงสุด
การยอมรับระดับโลก: สถาบันการเงินใหญ่ๆ (เช่น Tesla, Micro Strategy) และบางประเทศ (เช่น เอลซัลวาดอร์) เริ่มใช้บิทคอยน์เป็นกลยุทธ์หลัก
โอกาสที่ไม่ควรพลาด: โลกกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ระบบการเงินใหม่ หากเริ่มศึกษาและสะสมเร็ว จะมีโอกาสปกป้องความมั่งคั่งได้ดีกว่า
ดาวน์โหลดกระเป๋าเงินดิจิทัล (Wallet) จากแอปพลิเคชันที่เชื่อถือได้
เริ่มซื้อทีละน้อย (DCA) เพื่อเรียนรู้ระบบและสะสมหน่วยย่อยที่เรียกว่า Satoshi
ลงมือทำทันที เพื่อควบคุมอนาคตทางการเงินของตัวเองก่อนที่ระบบเดิมจะพังทลาย