
สมัยนี้หาตกปลายากกว่าสมัยก่อน ในตอนนั้นใช้ไม้ไผ่เป็นคันเบ็ดผูกกับเชือกและตะขอตกปลาที่เกี่ยวใส้เดือนเอาไว้ ในตอนั้นย่าตกเดินตกไปเรื่อย ปลาตอนนั้นเยอะมาก ปลาจุ๊บจับๆ พอเจอปลาก็เพียงแค่หย่อนเบ็ดลงไป ไม่นานปลาก็มากินแล้ว ยายเฉี่อยคนที่ไปหาปลากับย่า ตกปลาช่อนมา แล้วก็เอามาเผา แต่ก่อนเผา เขาเอาดินมาพอกก่อนเพื่อจะได้ไม่ไหม้ และก็หางวงตาลมาวางกองๆไว้ ย่าว่าทำแบบนี้เนื้อปลาหวานมาก
สมัยนั้นแถวบ้านก็จะเป็นที่นาโล่งๆ ไม่ค่อยมีป่า ถ้าจะมีป่าเขาเรียกว่าป่าละเมาะ เพื่อนพื้นที่ที่มีต้นไม้ขึ้นเยอะๆ แจ่ไม่ถึงกับว่าน่ากลัว ในบางทีหลังจากหาปลา ก็ไปปิ้งที่กระต๊อบกลางนาของคนที่รู้จัก หาไม้มาเสียบปิ้งปลา เอาสนุก กับยายหวี แถมตรงนั้นมีน้ำปลาจากพ่อป้าจงด้วย ในระหว่างกินนอนเล่น คนชื่อทอง ได้เข้ามาทักว่าทำไมไม่ได้กลับบ้านกัน... แถวนี้เป็นนามองได้สุดสายตา ป่าส่สนมากก็จะเป็นต้นกระทุ่ม
ออกหากุ้งในช่วงหน้าน้ำมา ใช้เชือกกุ้งกับหอยโข่งเท่านั้น ช่วงเช้าก็ไปวางเหยื่อ
รอมึดๆ ก็พายเรือถือตะเกียงไปจับกุ้งกันโดยแบ่งหน้าที่คนพายกับคนจับกับป้าจง ย่ายังเล่าต่ออีกว่าเอาของมาดักกุ้งได้เยอะมาก จนมีคนมาขอซื้อ แต่ก็เหลือไว้ทำก๋วยเตี๋ยวไว้กินบ้าง เงิน1ในตอนนั้นถือว่ามีมูลค่ามาก จึงมีรูปแบบเป็นธนบัตร และเหรียญสตางค์ ก็ใหญ่กว่าที่เป็นอยู่มาก เหรียญ10 สตางค์ 5 สตางค์ ก็ยังมี
หมาที่บ้าน เมื่อก่อน ไม่ได้กินแบบนี้ ได้กินแค่น้ำข้าว ใส่ข้าว ใส่เกลือ กินกันพร๊อกๆ จนหมด แต่ก็อยู่ได้ มีตัวนึงชื่อดักเค เป็นหมาที่ฉลาด คอยคาบลูกมะพร้าวที่สวนมาให้ ฝืนที่ทำไวในสวน ก็ช่วยคาบมาให้ ไอเต้ยหมาที่สู้กับงูเหาจนตัวตาย ตอนย่ายังเด็กนั้นน้ำท่วมถือว่าเป็นเรื่องปกติเพราะมันท่วมทุกปี ดอกแคร์ หมาที่ชอบรอตานวมที่หัวถนน เพราะเขาชอบให้ลูกชิ้นมัน พอเย็นตอนตานวมเดินกลับ มันก็เดินไปส่ง