ไม่รู้แจ้ง ธรรมชาติ ที่อาศัยกันเกิดขึ้น
ไม่รู้แจ้ง ปฏิจจสมุปบาท
ย่อมออกจากทุกข์ไม่ได้
ความรู้ในปฏิจจสมุปบาท คือ อริยสัมมาทิฏฐิ
การเรียนคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นจำเป็นสูงสุด
หากเรียนรู้ไม่แจ่มแจ้ง จะสุ่มเสี่ยงที่จะกล่าวตู่พระศาสดา ด้วยคำที่ไม่จริง
หากเรียนรู้ไม่แจ่มแจ้งในแก่นคำสอน เพื่ออกจากทุกข์ จะสุ่มเสี่ยง ที่จะกล่าวผิด เพราะเรียนมาไม่ดี
อาจาร์แป๊ะ กล่าวถึงคุณธรรมอาจารย์เก่ง
ส่วนหนึ่งของการกล่าวถึงคุณธรรมของอาจารย์เก่ง
อริยสาวก ทุกท่านต้องมี อริยสัมมาทิฏฐิ
ความรู้ในปฏิจจสมุปบาท หรือ ธรรมสิบหมวดนี้ เป็นอริยสัมมาทิฏฐิ
ปราศจากความรู้นี้ จะไม่สามารถเดินมรรคได้เลย
ท่านเหล่านี้จะมีสัญญา ตามความเป็นจริง คือเห็นสรรพสิ่งทั้งปวง
ว่าเป็นธรรมชาติที่อาศัยกันเกิดขึ้น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
การฝึกเดินมรรค เพียงเพื่อให้เป็นแนวทาง
ส่วนการเข้าถึง การรู้แจ้ง จนละวางได้ ต้องอาศัยการน้อมไป
ทั้งนี้ขึ้นกับอินทรีย์ของแต่ละท่าน
การอยู่ด้วยธรรม เป็นเรื่องของอริยสาวก
ผู้มีอริยสัมมาทิฏฐิ
สมัยที่แสดงธรรม ก็เดินมรรคด้วย อยู่ด้วยธรรมด้วย
สมัยที่ฟังธรรม ก็เดินมรรคด้วย อยู่ด้วยธรรมด้วย
สมัยที่สวดสาธยายธรรม ก็เดินมรรคด้วย อยู่ด้วยธรรมด้วย
สมัยที่โยนิโสมนสิการ ก็เดินมรรคด้วย อยู่ด้วยธรรมด้วย
ซึ่งปุถุชนผู้ไม่มีอริยสัมมาทิฏฐิ ต่อให้มีกิจกรรมสี่อย่างนี้
แต่นั่นก็ไม่ใช่การอยู่ด้วยธรรม เพราะคนๆนั้นเดินมรรคไม่เป็น
วันสุดท้ายที่ได้กล่าวธรรมบนโลกมนุษย์ ของอาจารย์เก่ง
อาจารย์เก่ง เป็นผู้มีบุญ มีปัญญา รู้แจ้งปฏิจจสมุปบาท
น้อมไปในการมนสิการโดยแยบคาย ในปฏิจจสมุปบาท อยู่เนืองนิจ
สัมปรายภพอันประเสริฐ ย่อมปรากฏ แก่ผู้มีปัญญา รู้แจ้งปฏิจจสมุปบาท
แนวทางเจริญสติ กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน ด้วยการเดินจงกรม
หรือด้วยการอาศัยสัมปชัญญะ ในขณะเดิน
มีชาวพุทธมากมาย ไปไม่ถึง สติ ตามคำสอน
จึงไม่อาจถึงความสิ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง
เป้าหมายของการสอนธรรมของพระศาสดา เพื่อให้ละอกุศล
ให้ประพฤติกรรมไม่ดำไม่ขาว เพื่อบรรลุกุศล
เพื่อสิ้นราคะ สิ้นโทสะ สิ้นโมหะ เพื่อสิ้นทุกข์
พระอรหันต์ย่อมน้อมไปในการไม่ยุ่งเกี่ยวกับกาม
ย่อมน้อมไปในปวิเวก สถานที่อันสงบ ไม่พุกพล่านด้วยกามทั้งหลาย
เพราะรู้ชัดกามทั้งปวง เห็นโทษภัย และความไร้สาระของกามทั้งปวงแล้ว
พระเจ้าพิมพิสารและสมาคม บรรลุธรรม เห็นธรรม เห็นปฏิจจสมุปบาท
ต้นเหตุใหมีการบัญญัติ ห้ามภิกษุนอนร่วมกันกับมาตุคาม
อาศัยธรรมเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น เพื่อเดินมรรค
อาศัยดินน้ำไฟลม ธาตุอันหยาบ กายนี้จึงมีได้
กายนี้เกิดจากดินน้ำไฟลม อันหยาบ อันไม่เที่ยง
ความไม่งาม คือ ความเสื่อมไป ความแก่ ความเจ็บ ความป่วยไข้
หรือ สภาพที่ไม่งาม เป็นอสุภะ ย่อมปรากฏเกิดขึ้นในกายนี้
ทางที่พระศาสดาได้ปฏิบัติมาก่อนแล้ว
ทางนี้เท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อให้เกิดปัญญา
ทางนี้เท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อให้เกิด สัมมาญาณะ
ทางนี้เท่านั้นที่จะเป็นไปเพื่อให้เกิด สัมมาวิมุตติ
ทางนี้คือ การโยนิโสมนสิการไปตามปฏิจจสมุปบาท
ผู้ใดเห็นแจ้งปฏิจจสมุปบาท รู้ชัดในทุกธรรมชาติที่อาศัยกันเกิดขึ้น
ญาน ปัญญา วิชชาย่อมเกิด
เพราะปัญญา รู้แจ้งเกิด จึงปราศจากอัตตา ในธรรมชาติทั้งปวงนั้นอยู่
เพราะได้เห็นธรรม เพราะได้เห็นปฏิจจสมุปบาท