สหรัฐอเมริกา เป็นประเทศที่มีคนครอบครองปืนสูงที่สุดในโลก เฉลี่ยแล้ว คนอเมริกา 100 คน จะครอบครองปืนเฉลี่ย 120 กว่ากระบอก ซึ่งอาวุธปืนในอเมริกานี้ คนทั่วไปสามารถหาซื้อได้ เพราะเป็นสิทธิที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเลยด้วยซ้ำ เมื่อปืนเป็นอาวุธที่สามารถหาซื้อได้ง่ายแบบนี้ นั่นทำให้อเมริกาเป็นประเทศที่มีคนเสียชีวิตจากอาวุธดังกล่าว สูงที่สุดในโลก และมีเหตุกราดยิงถี่มาก ดังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐนิวยอร์ก ที่เมืองบัฟฟาโล ในวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตถึง 10 คนด้วยกัน โดยผู้ก่อเหตุ เป็นเพียงเด็กหนุ่มผิวขาว อายุ 18 ปี หลังเกิดเรื่อง คดีนี้สะท้อนปัญหาใหญ่ในอเมริกาอย่างมาก นั่นก็คือเรื่อง ปืน และกลุ่มฝ่ายขวาคลั่งขาว

ฆาตกรต่อเนื่องหลายคน ก่อเหตุคนเดียว เพื่อความคล่องตัว และเพื่อจะได้รอดพ้นการถูกจับกุมไปได้ แต่มีหลายกรณี ที่ฆาตกรต่อเนื่องมีผู้ช่วยเหลือในการฆ่าคน ดังเช่นคดีของดีน คอร์ ชายผู้ล่อลวงเด็กหนุ่ม ก่อนจะจับมัดบนกระดานทรมาน ซึ่งเป็นวิธีการฆ่าสุดโด่งดังของเขา ที่นั่นดีนจะทำร้ายเหยื่อ ข่มขืน รัดคอ ยิงทิ้ง เชื่อกันว่ามีคนถูกฆ่าอย่างน้อย 29 รายด้วยกัน และที่สำคัญ เขามีผู้ช่วยร่วมก่อเหตุ ถึง 2 คนด้วยกัน

วันที่ 24 พฤศจิกายน 1971 เครื่องบินโบอิ้ง 727 แอร์โฮสเตสสาวคนหนึ่ง ถูกผู้โดยสารชาย ที่นั่ง 18ซี เรียกให้มานั่งด้วย ก่อนยื่นกระดาษ เขียนข้อความว่า คุณ ผมมีระเบิดในกระเป๋า ขอให้มานั่งข้างผม ประโยคสุดสะพรึงนี้ จะจะกลายเป็นเรื่องเล่า ตำนานการปล้นสุดขอบฟ้า ที่เป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ กับเรื่องราวของดีบี คูเปอร์

วันที่ 1 พฤศจิกายน ปี 1955 เครื่องบินของสายการบิน ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 629 มีผู้โดยสารบนเครื่อง 44 คน เดินทางจากสนามบินเดนเวอร์ มุ่งหน้าเมืองพอร์ทแลนด์ รัฐออเรกอน สหรัฐอเมริกา ในช่วงประมาณ หกโมงเย็น เครื่องบินได้ร่วงกระแทกพื้นในฟาร์มแห่งหนึ่งในรัฐโคโลราโด ผู้โดยสารบนเครื่องเสียชีวิตทั้งหมด . มันกลายเป็นเหตุการณ์ใหญ่ เพราะไม่กี่เดือนก่อน มีเครื่องบินลำหนึ่งตกในเส้นทางการบินแห่งนี้ เมื่อมีครั้งที่ 2 และช่วงหลายปีผ่านมา มักมีเครื่องบินตกที่จุดดังกล่าวเป็นประจำ ทางเจ้าหน้าที่เอฟบีไอจึงเดินทางมาตรวจสอบเรื่องนี้ทันที . ก่อนจะพบความจริงอันน่าตื่นตะลึง

ที่ศาล เมืองลอสแอนเจลลิส สหรัฐอเมริกา ผู้คนในห้องต่างตื่นตกใจ เมื่อชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้น ขนาบข้างด้วยเจ้าหน้าที่ เขาแต่งตัวด้วยชุดสุภาพ แต่ใส่แว่นดำ ราวกับเซเลบ หญิงสาวหลายคนเฝ้ารอการปรากฎตัวของเขา พวกเธอหลายคนส่งภาพเปลือยไปให้ชายคนนี้ในคุก ร้องขอให้เขาแต่งงานด้วย นี่คือเรื่องราวของ ริชาร์ด รามิเรซ ฉายา นักฆ่าแห่งรัตติกาล ฆาตกรต่อเนื่องสุดโหด ขวัญใจสาว ชายผู้สร้างความหวาดผวาไปทั่วแผ่นดิน

“ทำตามที่สั่ง แล้วจะไม่เจ็บตัว” ชายคนหนึ่งพูดกับหญิงสาว หลังอุ้มเธอขึ้นรถ ใช้ปืนจี้ และพยายามใช้เชือกมัด ในระหว่างนั้น สายตรวจขี่จยย.มาเห็นเหตุการณ์นี้พอดี หากเขาปล่อยผ่านทำเฉย เหตุร้ายคงจะตามมา แต่ตำรวจนายนี้ตัดสินใจ เข้าชาร์จจับ คุมตัวผู้ชายที่ก่อเหตุมาสอบปากคำ ตลอดชีวิตการทำงานเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นี่คือการทำหน้าที่ปกป้องประชาชนครั้งสำคัญ เพราะชายที่เขาจับตัวมาได้นั้น เป็นฆาตกรต่อเนื่อง

“ผมแค่ชอบการฆ่า” นี่คือเรื่องราวของ เท็ด บันดี ชายหนุ่มหน้าตาดี แต่ดันเป็นฆาตกรต่อเนื่องสุดโหด หลังถูกจับกุม เข้าคุก ไม่นาน เขาก็แหกคุกออกมาได้ แล้ว มุ่งหน้าสู่รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา และทำสิ่งที่เขาถนัด นั่นก็คือการฆ่าคน ขณะที่ตำรวจระดมกำลังเพื่อจับกุมชายสุดเหี้ยมรายนี้ให้ได้ แต่ยังไม่ไวพอ 1 เดือนหลังเท็ดแหกคุก เขาฆ่าหญิงสาวไปถึง 5 รายด้วยกัน

ก่อนที่เท็ด บันดี จะถูกประหารชีวิตในวันที่ 24 มกราคม 1989 เขาได้ตอบคำถามว่า ทำไมถึงฆ่าผู้หญิงเป็นจำนวนมากขนาดนี้ ชายหนุ่มดีกรีจบปริญญาตรี แต่เลือกทางเดินชีวิตเป็นฆาตกรต่อเนื่องสุดโหดและอื้อฉาวสุด ในอเมริกา ตอบคำถามนี้สั้น ๆ ว่า “ผมก็แค่ชอบการฆ่า ผมแค่อยากฆ่าเท่านั้น”

การไล่ล่าจับกุมฆาตกรต่อเนื่อง ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะพวกเขาก่อเหตุ โดยไม่มีแรงจูงใจชัดเจน หลายครั้งไม่มีเรื่องเพศ เรื่องทรัพย์สิน เพียงแค่อยากฆ่าเพื่อสนองความต้องการตัวเองเท่านั้น ดังเช่นกรณีเหตุการณ์ที่เมืองฟีนิกซ์ สหรัฐอเมริกา กับ 2 มือปืนที่ไล่ยิงคนไปกว่า 38 ราย มีผู้เสียชีวิต 8 คน ตำรวจใช้เวลาไล่ล่าอย่างยาวนาน กว่าจะจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้สำเร็จ

15 พฤศจิกายน 1998 ที่รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา ตำรวจรับแจ้งให้ไปตรวจสอบบ้านของหญิงคนหนึ่ง หลังเพื่อนเธอแจ้งว่า ติดต่อเธอไม่ได้มาหลายชั่วโมงแล้ว แถมอีกฝ่ายยังโทรศัพท์มาหา แต่มีเสียงแปลก ๆ คล้ายกำลังถูกทำร้ายร่างกายอยู่ ตำรวจทำงานด้วยภาษีประชาชน พวกเขาจำต้องปฏิบัติตามคำสั่งนี้ สายตรวจเข้าตรวจสอบบ้าน มันดูเงียบผิดสังเกต มีร่องรอยคนอยู่ในบ้าน แต่เหมือนทุกอย่างจะเงียบไม่ปกติ เจ้าหน้าที่จึงเปิดเข้าไปในบ้าน มองหาอะไรบางอย่าง ไม่ถึงเสี้ยววินาที ก็พบเรื่องราวสุดสยอง ศพหญิงสาวถูกแทงหลายแผล คอเกือบขาด นอนจมกองเลือดอยู่ในบ้านหลังนั้น

ที่ท้องทะเลสุดสวยงาม ห่างจากชายฝั่งไมอามี รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกาไม่ไกลมากนัก กัปตันเรือลำหนึ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง กำลังลอยมา เขาจึงสั่งให้นำเรือไปใกล้ ๆ เมื่อไปถึงคนบนเรือต่างตกตะลึง สิ่งที่พบคือ เด็กหญิงวัยเพียง 11 ขวบ นั่งอยู่บนซากเรือ ร่างกายถูกแดดเผาไหม้ เธออยู่ในอาการสาหัส คนบนเรือรีบพาตัวเธอขึ้น ให้กินน้ำส้ม เพื่อเติมเกลือแร่ ทายาที่ปากซึ่งถูกแดดเผา ก่อนรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ชายฝั่ง เพื่อให้มารับตัวเด็กหญิงคนนี้ไปรักษาตัวที่รพ.โดยด่วน เมื่อเด็กหญิงหายดี เธอจะเล่าว่า ได้ลอยคออยู่ในทะเลเป็นเวลากว่า 3 วันครึ่ง นี่คือเหตุการณ์ในปี 1961 เมื่อเธอให้การกับเจ้าหน้าที่ ทุกคนจะอ้าปากค้าง เพราะสาเหตุที่เธอต้องลอยคอเกือบเสียชีวิต เกิดจากการฆาตกรรมสุดโหดเหี้ยมนี่เอง

ตำรวจรับแจ้งเหตุฆาตกรรมในบ้านหลังดังกล่าว พวกเขารุดมาถึง พบชายหนุ่มถูกยิงที่หน้า อาการสาหัส แต่ไม่ตาย ส่วนภรรยาของเขาเสียชีวิต ผู้ที่โทร.แจ้งคือลูกสาวของบ้าน เจนนิเฟอร์ แพน หญิงสาวให้การว่าคนร้าย 3 คนจับเธอมัด แต่ไม่ได้ทำอันตรายใด ๆ พวกเขาออกไป เธอแก้มัดก่อนโทรศํพท์แจ้งตำรวจ พ่อของเจนนิเฟอร์ถูกพาตัวส่งรพ. ในเวลาต่อมา เขาจะให้การว่า ไม่เห็นว่าลูกสาวจะถูกจับมัดตรงไหนเลย

ปี 1996 ทางการยูเครนสั่งไล่ล่าตัวฆาตกรสุดโหดที่สังหารคน ฆ่ายกครัวหมดบ้าน เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายจุด ทั่วประเทศ ฆาตกรบุกสังหารยิงผู้ใหญ่ ก่อนจะทุบเด็กตาย รื้อค้นทรัพย์สิน มันสร้างความหวาดหวั่นให้กับคนยูเครนอย่างมาก กว่าจะจับกุมอนาโตลี โอโนพรีเอนโก สัตว์ร้ายแห่งยูเครนได้สำเร็จ

ปี 1996 ที่ประเทศรัสเซีย เพื่อนบ้านต่างทนกลิ่นเหม็นจากห้องพักของครอบครัวสแปสซิสเซฟไม่ไหว แถมนอกจากกลิ่นที่เหม็นจนแทบอ้วกแล้ว ห้องนี้ยังเปิดเพลงร็อกเสียงดังกระหึ่ม ชนิดไม่ต้องหลับต้องนอนพักผ่อนกันเลย แต่หญิงเจ้าของห้อง ไม่ยอมเปิดให้ใครเข้ามา ชาวบ้านจึงแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบห้องโดยด่วน . วินาทีที่ตำรวจพังประตูห้องเข้าไป มันกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งตำนาน นักฆ่า เจ้าของฉายา แจ็ค ริปเปอร์ แห่งไซบีเรีย ซึ่งได้ฆ่ากินอวัยวะมนุษย์ไป 4 ศพ แต่คาดว่าเหยื่อของเขาน่าจะมีถึง 80 คนด้วยกัน . นี่คือเรื่องราวของ อเล็กซานเดอร์ สแปสซิสเซฟ ชายสุดโหด นักฆ่าที่มีแม่ร่วมสนับสนุนก่อเหตุด้วย

พ่อของเกรแฮม ยังพาลูกชายสุดที่รัก เข้าไปดูแลบเคมี หลังลูกสอบผ่านได้คะแนนเรียนดี แถมตัวเด็กมีความสนใจถึงขั้นกระตือรือร้นกับสารเคมีอย่างมาก แต่สุดท้ายแทนที่จะได้เป็นนักวิทยาศาสตร์สุดโด่งดัง เขากลับจบลงที่การเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ผู้ฆ่าคนด้วยการวางยาพิษ

โจเซฟ ฟริทเซล เป็นคนมีภูมิฐาน ดูร่ำรวย เป็นที่รักของเพื่อนบ้าน เขาแต่งงานมีครอบครัวปกติสุข มีลูก 7 คน เป็นชาย 3 หญิง 4คน หนึ่งในลูกสาวนั้นมีคนชื่อ เอลิซาเบท ฟริทเซล ซึ่งขณะอายุได้ 11 ปี เธอถูกพ่อแท้ ๆ คุกคามทางเพศ เอลิซาเบทพยายามหนีออกจากบ้านหลังนี้ แต่เจ้าหน้าที่ก็พาตัวเธอกลับไปคืนสู่ครอบครัว พ่อของเธอ โจเซฟ มีภาพลักษณ์น่าเชื่อถือเกินกว่าที่ใครจะคิดว่าเป็นคนเลวได้ เธอไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ ใช้ชีวิตปกติ จนเมื่ออายุได้ 18 ปี ฝันร้ายก็เริ่มต้นขึ้น

นี่คือบทเรียนที่สังคมเยอรมันทำหลังจับกุมฆาตกรต่อเนื่องสุดเลวร้ายคนนี้ แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ ที่เผชิญหน้าเรื่องราวเหล่านี้ เยอรมันทำมากไปกว่าการจับกุม ตั้งข้อหา ไขความจริง แต่พวกเขายังเน้นแก้ไข ล้อมคอกไม่ให้เหตุการณ์ซ้ำร้อยขึ้นอีก โดยทางการย้ำว่า การเปลี่ยนความเชื่อคนในสังคมนั่นสำคัญมาก เพราะมันอาจช่วยหยุดฆาตกรต่อเนื่องรายอื่นผุดมาในสังคมได้

ตำรวจเข้าจับกุมแบร์รี่ แบนเนล โค้ชที่ก่อเหตุดังกล่าว ในข้อหากระทำอนาจารเด็ก คาดว่าเหยื่อของเขามีมากกว่า 100 ราย ทุกรายมีความฝันจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และแบนเนลทำงานเป็นแมวมองเสาะหาดาวรุ่งฝีเท้าดี ส่งป้อนให้กับสโมสรฟุตบอลในอังกฤษ ในช่วงยุค1970 - 1980

วันที่ 21 กรกฎาคม ปี 1957 ที่เมืองลอส แอนเจลลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ตำรวจ 2 นายหยุดเรียกรถคันหนึ่งที่ฝ่าไฟแดง มันเป็นช่วงกลางดึก ก็แค่แจกใบสั่งเท่านั้น งานง่าย ๆ ขณะเรียกรถคันหนึ่งจอด เพื่อนตำรวจด้วยกันได้ขับรถผ่าน แล้วก็ไม่ได้เอะใจอะไร มันก็แค่จับคนฝ่าไฟแดงเท่านั้น . แต่ไม่ถึง 15 นาที ปรากฎว่าชายที่อยู่ในรถ กระหน่ำยิงใส่ตำรวจ 2 นายเสียชีวิตแล้วหลบหนีไป เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่มีใครกล้าฆ่าตำรวจแอลเอ ไม่ว่าผู้ก่อเหตุจะเป็นใคร เขาจะต้องถูกดำเนินคดีมาให้ได้ นี่คือประกาศิตจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ มีการตั้งชุดเฉพาะกิจเพื่อล่าตัว คนร้ายรายนี้ แต่กว่าจะจับกุมฆาตกรได้ ก็ใช้เวลา 45 ปีเลยทีเดียว

เทรซี่อ้างว่าตัวเองเป็นแวมไพร์ ต้องออกหาเหยื่อเพื่อดื่มเลือด และตอนนี้ต้องการยกระดับไปดื่มเลือดคน เธอเคยบอกกับแฟนสาวว่าอยากดื่มเลือดเธอ เพื่อนในกลุ่มย้ำว่า เทรซี่เหมือนเป็นแม่มด มีพลังจิต มีบารมี ทำให้ทุกคนกลัวต้องปฏิบัติตาม . คดีนี้ถูกเรียกว่านักฆ่าแวมไพร์ เมื่อขึ้นศาล ลูกขุนใช้เวลาเพียง 48 ชั่วโมงพิจารณาให้เทรซี่มีความผิดจริง ส่วนเพื่อนในกลุ่มมีความผิดลดหลั่นกันมา หลังร่วมกันก่อเหตุฆาตกรรมเอ็ดเวิร์ด