พระธรรมนำชีวิต
ตอน การอัศจรรย์ Ep.1464
1 พงศ์กษัตริย์ 18:17-40 เมื่อาหับพบกับเอลียาห์เขาก็กล่าวโทษเอลียาห์ว่าเป็นต้นเหตุของความยากลำบากของอิสราเอล แต่เอลียาห์ก็สวนกลับไปเลยว่า มันเป็นเพราะอาหับและครอบครัวที่ละทิ้งพระเจ้า เอลียาห์ขอให้อาหับรวบรวมคนอิสราเอล และผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล และของพระอาเช-ราห์ เพื่อพิสูจน์ว่าพระเจ้าองค์ไหนเป็นพระเจ้าแท้จริง พวกเขานำวัวมาผ่าวางบนฟืนเพื่อเผาเป็นเครื่องบูชา แต่ห้ามจุดไฟ ให้ร้องขอไฟจากพระของตัวเอง คนของพระบาอัลก็ร้องดัง เอามีกรีดตัวเองตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาเย็นก็ยังไงก็ไม่มีไฟลงมา พอมาถึงเวลาของเอลียาห์ เขาซ่อมแซมแท่นบูชาด้วยหิน 12 ก้อน แล้วขุดลองน้ำและเต็มน้ำให้เต็มลองนั้นถึง 3 ครั้ง แล้วเอลียาห์ก็อธิษฐานต่อพระเจ้า
'ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงตอบข้าพระองค์ ทรงตอบข้าพระองค์ เพื่อชนชาตินี้จะทราบว่าพระองค์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นพระเจ้า และพระองค์ทรงหันจิตใจของเขาทั้งหลายกลับมาอีก” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 18:37
หลังจากคำขอของเอลียาห์ ไฟของพระเจ้าก็ตกลงมาและเผาเครื่องบูชา สิ่งที่เกิดขึ้นยืนยันว่า พระยาเวห์เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้ ประชาชนก็กลับใจ
'และเมื่อประชาชนทั้งหมดได้เห็น พวกเขาก็ซบหน้าลงร้องว่า “พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า พระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้า” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 18:39
ผู้คนในยุคของเอลียาห์อยากเห็นการอัศจรรย์ อยากเห็นว่าพระเจ้าของใครจะทำให้ไฟจากตกลงมาจากฟ้าได้ ยุคของเราก็ไม่ต่างกัน พวกเราอยากเห็นอัศจรรย์ที่จับต้องได้ แต่พระวจนะของพระเจ้าบอกเราว่า การอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
'แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เรา คือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้น พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อเรา ' โรม 5:8
การอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ พระเยซูเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อเป็นมนุษย์ เพื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน และทรงฟื้นขึ้นจากความตาย เพื่อนำเรากลับมาเป็นของพระเจ้า ทำให้เราร่วมในชัยชนะเหนือความตายนิรันดร์กับพระเยซู ขอให้เราใช้ชีวิตของเราสำแดงการอัศจรรย์ที่พระเยซูทรงเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราให้ทุกคนได้เห็น เพื่อนำให้พวกเขามารู้จักกับพระเยซูด้วยกันนะครับ
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่240)
บทเรียนจากน้ำท่วม!
“พระยาห์เวห์ประทับเหนือน้ำท่วม
พระยาห์เวห์ประทับเป็นพระราชาเป็นนิตย์”
~สดุดี 29:10 THSV11
“The Lord sits enthroned over the flood;
the Lord is enthroned as King forever.”
~Psalms 29:10 NIV
มีคำกล่าวไว้ว่า
“พระเจ้ามิได้สัญญาว่าจะไม่มีน้ำท่วมในชีวิตของเรา
แต่พระองค์ทรงสัญญาว่าจะสถิตอยู่กับเราทุกครั้งที่น้ำท่วม!”
(God never promised a life without floods,
but He promised to be with us through every one of them.)
ดังนั้น เราอาจเผชิญกับน้ำท่วมชีวิตอย่างฉับพลันได้แบบไม่คาดฝัน!
แล้ว“น้ำท่วม” เปรียบเหมือนกับอะไรบ้างในชีวิตของเรา?
น้ำท่วมเปรียบ…
1.เหมือน “ปัญหา“ที่ท่วมท้นขึ้นมาเร็วและแรงเกินกว่าที่เราจะรับมือได้ทัน
2.เหมือน “ความกลัวและความไม่แน่นอน”ที่เพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆจนเรารู้สึกไม่มั่นคง
3.เหมือน “ความสูญเสีย“ที่กวาดทุกอย่างในชีวิตไปสิ้น แบบที่เราไม่มีเวลาได้ตั้งตัว
4.เหมือน “ช่วงความหวังดูเลือนลาง” เพราะทุกอย่างรอบตัวมืดและเอ่อล้นจนเราไม่มีที่ยืน
5.เหมือน “บททดสอบ“ที่เผยให้เราเห็นสิ่งมั่นคงที่ควรยึดมั่นจริงๆและอะไรคือสิ่งชั่วคราว
6.เหมือน “โอกาส“ ที่จะให้ชีวิตเริ่มใหม่หลังน้ำลด เมื่อเราได้รับการฟื้นฟูหลังผ่านพายุร้าย
7.เหมือน “สถานการณ์”ที่ทำให้ตระหนักว่าเราไม่อาจพึ่งตนเองได้และต้องการความช่วยเหลือ
8.เหมือน “บทเรียน“ ที่ทำให้หัวใจเราอ่อนลง กำแพงแห่งอัตตาพังลงและความหยิ่งยโสถูกพัดไป
9.เหมือน“วิกฤติ”ที่ทำให้ชีวิตของเราจมมิด จนยอมจำนน กลับใจใหม่และให้พระเจ้าทำสิ่งใหม่ ในชีวิตของเรา
พี่น้องที่รัก
ไม่ว่า น้ำท่วมจะเปรียบเหมือนกับอะไรในชีวิตของเรา
แต่ที่แน่นอน น้ำท่วมจะทำให้เราสำนึกว่า เราเปราะบางเกินไป
เกินกว่าที่เราจะรับมือกับน้ำลึกและกระแสน้ำแรงเชี่ยวได้โดยลำพัง!
น้ำท่วมทำให้เราต้องร้องขอความช่วยเหลือ และต้องพึ่งคนอื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกลับใจ เข้าพึ่งพิงและพึ่งพาพระเจ้า
ดังนั้น หากว่า วันนี้
น้ำที่ท่วมในชีวิตของคุณ เปรียบเหมือนกับ ปัญหา ความกลัว ความสูญเสีย การทดสอบ การฟื้นฟู โอกาส สถานการณ์ บทเรียน หรือวิกฤติที่พระเจ้าทรงใช้เพื่อดึงคุณให้กลับมาเข้าใกล้พระองค์ให้มากขึ้น
ก็ขอให้คุณ จงรีบทำตามพระประสงค์นั้นในทันที ก่อนที่น้ำจะมาระลอกใหม่ที่แรงเชี่ยว และท่วมสูงมากกว่าที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ขอหนุนใจพี่น้องในตอนท้ายว่า
“แม้น้ำจะท่วมสูงมากสักเพียงใด พระหัตถ์ของพระเจ้าก็ยังคงสูงกว่าเสมอไป”
(No matter how high the waters rise, God’s hand always rises higher.)
…คุณเชื่อเช่นนี้ไหม?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
26พฤศจิกายน2025 (ตอนที่240ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่239)
พระชะตา และ พระลิขิต!
( the god of good fortune and the goddess of destiny.)
“แต่เจ้าทั้งหลายผู้ละทิ้งพระยาห์เวห์ ผู้ลืมภูเขาบริสุทธิ์ของเรา
ผู้จัดงานเลี้ยงให้แก่‘ พระชะตา’ และเติมเหล้าองุ่นประสมเต็มถ้วยแก่ ‘พระลิขิต’
เราจะลิขิตเจ้าทั้งหลายให้แก่ดาบ และเจ้าทุกคนจะต้องหมอบลงต่อผู้สังหาร
เพราะว่าเมื่อเราเรียกนั้น พวกเจ้าไม่ตอบ เมื่อเราพูด พวกเจ้าไม่ฟัง
แต่พวกเจ้าทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเรา และเลือกสิ่งที่เราไม่ปีติยินดี””
~อิสยาห์ 65:11-12 THSV11
“You have abandoned the Lord and forgotten my holy mountain.
You have prepared a table for the god of good fortune and
offered cups full of spiced wine to the goddess of destiny.
Now I will destine you for death. All of you will bow to be slaughtered.
I called, but you didn’t answer. I spoke, but you didn’t listen.
You did what I consider evil. You chose what I don’t like.”
~Isaiah 65:11-12 GW
พระธรรมอิสยาห์ตอนนี้ กล่าวถึง คน2กลุ่ม
1.กลุ่มคนที่เชื่อฟังพระเจ้า และ
2.กลุ่มคนที่ละทิ้งพระเจ้า คือหันหลัง ลืมพระเจ้า สถานที่นมัสการ และพระสัญญาของพระองค์
แล้วหันไปบูชาพระอื่นๆ(โดยปากยังพูดเรื่องพระเจ้าอยู่)
ชาวอิสราเอลบางส่วนในสมัยนั้น ผสมการนมัสการพระยาห์เวห์ของพวกเขากับ
~ไสยศาสตร์
~ความเชื่อโชคลาง และ
~การบวงสรวงเซ่นไหว้เทพเจ้าต่าง ๆ เช่น
1).“พระชะตา”( the god of good fortune) หรือ Gad (กาด) “เทพแห่งโชค”
เป็นเทพเจ้าแห่ง “Fortune / Luck / Destiny”
ที่คนโบราณเชื่อว่าสามารถกำหนดความเจริญ หรือนำโชคลาภมาให้คนได้
2).“พระลิขิต”( the goddess of destiny.) หรือ Meni (เมนิ) “เทพีแห่งชะตากรรม“
เป็นเทพแห่ง “Fate / Portion / Destiny”
ที่คนสมัยนั้นเชื่อว่า เป็นเทพที่กำหนดส่วนแบ่งชีวิตของชีวิตคน
พระเจ้าจึงตักเตือนอย่างเข้มแข็งไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้อง
“พระชะตา” และ “พระลิขิต” ที่ถือว่าเป็นเทพแห่งโชคและชะตากรรม
ดังนั้น เมื่อคนอิสราเอลกลับไปบูชาควบคู่กับพระเจ้า จึงถือว่าเป็นการ
“ผสมไสยศาสตร์กับการเชื่อพระเจ้า”
เหมือนคนทำพิธีแก้ดวงในปัจจุบัน
(คำว่า “”ดวง“หรือ “ชะตา”นี้ มีรากเดียวกับ การดูดวง, โหราศาสตร์, ไพ่, ของขลัง)
ซึ่งพระเจ้าทรงถือว่าเป็นความบาปที่ร้ายแรงมาก
แล้วทำไมจึงถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง?
คำตอบคือ เพราะพวกเขากำลังทำสิ่งตรงข้ามกับการเชื่อฟัง เชื่อถือ ยำเกรงและวางใจพระเจ้าทั้งๆที่
1.พระเจ้าทรงบัญชาให้คนของพระเจ้านมัสการพระองค์องค์เดียว
แต่พวกเขาไปทำพิธีสังเวยให้เทพแห่งโชค และ ชะตา
2.พระเจ้าทรงเป็นผู้กำหนดอนาคตที่ดีของพวกเขาไว้ให้แล้ว
แต่พวกเขากลับไปหาคำตอบจากพระแห่ง ดวง ชะตา หรือ โชคลาภแทน อย่างไม่แยแสสิ่งที่พระเจ้าตรัส
ดังนั้น พระเจ้าจะลงโทษพวกเขา!
พระองค์ตรัสว่า
“เราจะลิขิตเจ้าทั้งหลายให้แก่ดาบ และ
เจ้าทุกคนจะต้องหมอบลงต่อผู้สังหาร
เพราะว่าเมื่อเราเรียกนั้น พวกเจ้าไม่ตอบ
เมื่อเราพูด พวกเจ้าไม่ฟัง
แต่พวกเจ้าทำสิ่งชั่วร้ายในสายตาของเรา
และเลือกสิ่งที่เราไม่ปีติยินดี””
พี่น้องที่รัก
ขอให้เราห่างจาก การบวงสรวงบูชาเทพเจ้าต่างๆ รวมทั้งการไปดูดวงชะตา และร่วมส่วนในโหราศาสตร์ หรือไสยศาสตร์ทั้งปวง
เพื่อเราจะได้อยู่ห่างไกลจากถูกลงโทษอย่างไม่จำเป็นเลย
…จะดีไหมครับ?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
25พฤศจิกายน2025 (ตอนที่239ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต
ตอน หยุดโทษตัวเอง Ep.1462
1 พงศ์กษัตริย์ 17:17–24 เป็นตอนที่สะเทือนใจที่สุดของหญิงม่ายศาเรฟัท หลังจากที่พระเจ้าทำการอัศจรรย์แป้งและน้ำมันไม่เหมด ชีวิตของเธอก็ดูดีขึ้นแล้ว แต่แล้วก็เกิดเรื่องราวที่ดูเลวร้ายกว่าเดิมอีก
'และต่อมาหลังจากนี้ บุตรชายของหญิงนั้นผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ล้มป่วย และมีอาการสาหัสมาก จนไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:17
ทันทีที่ลูกชายของเธอเสียชีวิต เธอก็กล่าวโทษเอลียาห์ว่า “โอ คนของพระเจ้า ดิฉันทำอะไรให้ท่าน? ท่านจึงมาหาดิฉัน เพื่อฟื้นความผิดของดิฉัน และทำให้ลูกของดิฉันตาย” นี่คือภาพของเราเมื่อพบเรื่องหนัก เราจะเชื่อมโยงปัญหานั้นกับความผิดความบาปที่เราได้ทำ เรามักตั้งคำถามว่า “ทำไม ฉันทำผิดอะไร?” เราชอบคิดว่าพระเจ้ากำลังเอาบาปเก่ามาลงโทษเรา ในพระเยซูคริสต์ บาปนั้นถูกยกโทษไปแล้ว ใน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเราจะเห็นพระคุณและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าท่ามกลางปัญหานั้น เอลียาห์ไม่ตอบโต้หรือตำหนิเธอเพราะความเชื่อของเธอหวั่นไหว แต่เอลียาห์ได้ตอบเธอว่า
'แต่ท่านพูดกับนางว่า “เอาลูกของเธอมาให้ฉันเถิด” ท่านก็นำเขาไปจากอ้อมอกของนาง อุ้มขึ้นไปที่ห้องชั้นบนที่ท่านพักอยู่ และวางเขาบนที่นอนของท่านเอง ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:19
สิ่งที่เอลียาห์ทำคือไปอธิษฐานกับพระเจ้าขอชีวิตของเด็กคนนี้มาเข้าในตัวเขาอีกครั้ง พระวจนะของพระเจ้าบันทึกว่า
'และพระยาห์เวห์ทรงฟังเสียงของเอลียาห์ และชีวิตของเด็กนั้นมาเข้าในตัวเขาอีก และเขาก็มีชีวิตอีก ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:22
ในพระคุณของพระเจ้า จากความตายกลายเป็นชีวิต จากความสิ้นหวังกลายเป็นความวางใจในพระเจ้า ความเชื่อของหญิงม่ายได้กลับสู่สภาพดีจนเธอมั่นใจที่จะพูดว่า “ตอนนี้ดิฉันทราบแล้วว่าท่านเป็นคนของพระเจ้า และพระวจนะของพระยาห์เวห์จากปากของท่านเป็นความจริง” บางครั้งพระเจ้าอนุญาตให้เกิดสถานการณ์ที่เลวร้ายเกินกว่าจะรับไหว เพื่อให้เราเห็นพระคุณของพระเจ้า และเพื่อให้เราเปลี่ยนจากการโทษตัวเองมาเป็นการอธิษฐานร้องทูลพระองค์ ขอพระเจ้านำให้ผ่านพ้นทุกวิฤกตด้วยการพึ่งพาและอธิษฐานต่อพระเจ้า พระเจ้าจะทรงฟังและทรงตอบคำอธิษฐานของเราแน่นอน แต่พระเจ้าจะไม่ตอบตามใจเรา แต่พระองค์จะตอบตามพระทัยที่สมบูรณ์แบบของพระองค์ เพื่อนำให้ชีวิตของเราพบกับชีวิตไม่ใช่ความตาย
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่238)
รักตัวเองให้ถูกต้องเป็นอย่างไร?
“เพราะกฎทั้งหมดสรุปออกมาได้ข้อเดียว คือ
“รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง””
~กาลาเทีย 5:14 THA-ERV
“For the entire law is fulfilled in keeping this one command:
“Love your neighbor as yourself.””
~Galatians 5:14 NIV
ปัญหาใหญ่ของคนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน คือ
1.คนเราไม่รักตัวเอง
2.คนเรารักตัวเองไม่เป็น หรือ รักตัวเองอย่างไม่ถูกต้อง
(รวมทั้งการรักตัวเองมากและน้อยเกินไป)
แล้วการรักตัวเองอย่างถูกต้องนั้น เป็นอย่างไร?
เราอาจกล่าวได้ว่า
“การรักตัวเองที่ถูกต้อง
คือการเห็นตัวเองผ่านสายพระเนตรของพระเจ้า ไม่ใช่ตามสายตาของโลก.”
(True self-love is seeing yourself through God’s eyes, not the world’s.)
แล้วพระคัมภีร์สอนอะไรบ้างในเรื่องการรักตัวเอง?
การรักตัวเองที่ถูกต้องตามหลักพระคัมภีร์ (Biblical Self-Love) นั้น
1.ไม่ได้เป็นความรักแบบ
1).หมุนรอบตัวเอง หรือ
2).เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง แต่
2.เป็นความรักแบบที่ตั้งอยู่บน
1).การมองเห็นคุณค่าของตัวเองอย่างที่พระเจ้ามอง และ
2).การรู้จักดูแลตัวเราเองเพื่อดำเนินชีวิตตามพระประสงค์ของพระองค์
ดังนั้น หากเรารักตัวเองอย่างถูกต้อง
1.เราจะรู้ว่าตัวเราเองมีคุณค่าในฐานะคนที่พระเจ้าสร้างตามพระฉายาของพระองค์ (ปฐก. 1:27;สดด.139:14)
2.เราจะยอมรับตนเองตามความจริง ทั้ง
1).จุดแข็ง และ
2).จุดอ่อน
3.เราจะดูแลร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เพื่อนมัสการและรับใช้พระเจ้า
4.เราจะไม่ทำร้ายและทำลายตนเองด้วย
1).การทำความบาป
2).การเปรียบเทียบแข่งขัน กับผู้อื่นแบบบ้าคลั่ง หรือ
3).การเกลียดชังตัวเอง
5.เราจะให้อภัยตนเอง เพราะเราได้รับการยกโทษจากพระเจ้าแล้วโดยทางพระคริสต์
6.เราจะตั้งขอบเขตอันเหมาะสมเพื่อรักษา
1).สุขภาพกายจิต และ
2).สัมพันธภาพ ของเราต่อพระเจ้าและคนอื่นๆ
7.เราจะพัฒนาสัมพันธภาพกับพระเจ้าอย่างใกล้ชิดทุกวัน เพื่อเป็นเหมือนพระองค์และ
มีชีวิตที่ปลอดภัยในการคุ้มครองของพระองค์
8.เราจะรักตนเองในระดับที่กลายเป็นตัววัดมาตรฐานพื้นฐานในการรักคนอื่นต่อไป
ดังพระคัมภีร์ที่ว่า
“ข้อที่สองก็เหมือนกัน คือ ‘จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง’”
~มัทธิว 22:39 THSV11
“And the second is like it: ‘Love your neighbor as yourself.’”
~Matthew 22:39 NIV
พี่น้องที่รัก
เราต้องรักตัวเองในแบบที่พระเจ้าทรงประสงค์ คือ รักตัวเอง ในฐานะคนที่มีคุณค่า ที่ได้รับการไถ่ด้วยโลหิตและความตายของพระเยซูคริสต์และที่ต้องได้รับการเสริมสร้างให้เติบโตขึ้นอย่างบุตรที่รักของพระเจ้าโดยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และพระคริสตธรรมคัมภีร์
ดังนั้น อย่าเพิ่งไปรักใคร(ที่เป็นเพื่อนบ้าน) หากว่าคุณยังไม่รักตัวเอง หรือรักตัวเองไม่เป็น
เพราะว่าคุณได้รับคำสั่งให้รัก เพื่อนบ้าน “เหมือน“ รักตัวเราเอง!
…เห็นด้วยไหมครับ?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
24พฤศจิกายน2025 (ตอนที่238ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่237)
จะทนจนต่อไปอีกทำไม?
“หากญาติพี่น้องของคนจนเองยังเมินหน้าหนี
เพื่อนๆ ของเขาจะยิ่งกว่านั้นสักเท่าใด!
ถึงแม้เขาตามอ้อนวอน แต่ทุกคนก็หายหน้ากันไปหมด”
~สุภาษิต 19:7 TNCV
“All the relatives of the poor hate them; even more,
their friends stay far from them. When they pursue them with words,
they aren’t there.”
~Proverbs 19:7 CEB
คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวต่อไปนี้ หรือไม่ว่า…
“ความจนอาจทำร้ายเราได้เพียงชั่วคราว
นอกจากว่าหัวใจของเราเลือกที่จะจนแบบถาวรไปด้วย!”
(Poverty can hurt you temporarily
unless your heart chooses to be poor as well.)
ด้วยเหตุนี้ ถ้าเลือกได้ ก็อย่าให้เราเลือกที่จะเป็นคนจนเลย
เพราะไม่ค่อยมีคนชอบคนจนเท่าไรนัก
แม้แต่คนในครอบครัว หรือ คนในแวดวงมิตรสหายของเขาเอง!
ดังนั้น หากทำได้ จนหลีกเลี่ยงสภาวะการเป็นคนจนให้เร็วที่สุด
แต่อย่าทำผิดบาป ผิดกฎศีลธรรม ผิดกฎหมาย หรือ ผิดพระคัมภีร์เพื่อจะหลุดพ้น
จากความยากจน เพราะผลลัพธ์ที่ตามมาจะหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าการเป็นคนจน!
มีผู้แบ่งความจนออกมา เป็นประเภทต่างๆดังนี้
1.จนเงิน คือ มีเงินไม่พอใช้เลี้ยงดูตัวเอง คนที่รัก หรือคนที่อยู่ด้วยกับตน
2.จนเวลา คือไม่มีเวลาใช้ชีวิต ในการทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ หรือ ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะใช้เงิน
3.จนโอกาส คือไม่มีโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต ทั้งๆที่ขยันและทำงานหนัก
4.จนความคิด คือมัวแต่คิดดูถูกศักยภาพตัวเอง หรือ โทษคนอื่นหรือโลกนี้
การคิดลบ คือการคิดในสิ่งที่
~ไม่เป็นประโยชน์
~ ไม่ทำให้คนอื่น และตัวเอง มีความสุข
~ไม่ทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จ
บางครั้งคนคิดลบ คิดแต่ว่าตัวเองคงทำไม่ได้ และคนอื่นก็คงทำไม่ได้ด้วย
จึงไม่ให้ไม่สนับสนุนพวกเขาให้ทำ จึงปล่อยให้โอกาสทองนั้นหลุดลอยไป
จนกลายมาอยู่ในสภาวะ
~จนใจ
~จนเงิน
~จนตรอก
~จนแต้ม
~จนมุม ฯลฯ
ดังนั้น ไม่ว่า เราจะจนอะไร อย่าให้เราจนความคิด
เพราะถ้าจนความคิด เมื่อใด ชีวิตก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
เราคงไม่ชอบให้ใครมาดูถูกเรา
แล้วทำไม เราจึงชอบดูถูกศักยภาพตัวเองเล่า?
ต่อให้คนนับร้อยคนพูดว่าเราทำไม่ได้ แต่ถ้าเราคิด และเชื่อจริงๆ ว่า
โดยพระคุณของพระเจ้าเราจะทำได้ดีกว่าที่เราเป็นอยู่ในเวลานี้
ชีวิตของเราก็จะไม่เหมือนเดิม!
อย่างไรก็ตาม เราต้อง ระวังอย่าเอาความคิดของตัวเราเองเป็นใหญ่หรือเป็นหลัก
นั่นคือเราคิดอะไรแล้ว ก็ติดยึดกับความคิดนั้น จนไม่ดูและไม่ฟังคำแนะนำตักเตือนใดๆ
ไม่ว่าจะมาจากพระเจ้าหรือจากมนุษย์คนอื่นๆ
คิดแต่จะทำตามความคิดของตนเองที่ คิดว่าถูกต้องแล้วให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรตามมา
เพราะ การทำเช่นนั้น อาจจะมีผลเสียตามมาดังคำเตือนที่ว่า
“มีทางหนึ่งซึ่งคนเราคิดว่าถูก แต่ปลายทางคือความมรณา”
~สุภาษิต 14:12 THSV11
“What you think is the right road may lead to death.”
~Proverbs 14:12 GNT
ดังนั้น อย่าให้เรากลายเป็นคนจน เพราะความคิดและการทำตามความคิดของเราเอง
อย่างขาดการใคร่ครวญและการปรึกษากับพระเจ้าและผู้เชี่ยวชาญอย่างรอบครอบ
จงจำไว้เสมอว่า
“กรอบความคิดที่จำกัดมักจำกัดชีวิต
มากกว่าการขาดแคลนทรัพยากร!”
“A limited mindset limits life
far more than a lack of resources.”
พี่น้องที่รัก
ถ้าเราจนอยู่ ก็จงเลิกจนได้แล้ว!
ถ้าเราคิดและตั้งใจที่จะไม่จน
และเรียนรู้ที่จะทำงานอย่างฉลาดด้วยความขยันอย่างมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ
และเชื่อพึ่งวางใจพระเจ้า อย่างต่อเนื่อง
ความจนจะหนีจากเราไป และโชคดีก็จะเข้ามาแทนที่ ดังคำกล่าวที่ว่า
“โชคมักเข้าข้างคนขยัน!“
…เห็นด้วยไหมครับ?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
23พฤศจิกายน2025 (ตอนที่237ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต
ตอน ให้ใครก่อนดี? Ep.1461
1 พงศ์กษัตริย์ 17 พระเจ้าสั่งให้เอลียาห์ไปยังเมืองศาเรฟัทในเขตเมืองไซดอน พระเจ้าตรัสว่า “เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่งให้เลี้ยงเจ้าที่นั่น” เรื่องราวในวันนี้ยืนยันว่าสิ่งที่พระเจ้าตรัสเป็นจริงเสมอ แต่ชีวิตของหญิงม่ายก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราต้องสำรวจใจของเราว่า เราพร้อมที่จะให้พระเจ้าก่อนหรือไม่ สำหรับเอลียาห์สิ่งที่เขาทำคือเชื่อฟังพระเจ้าเสมอ
'ท่านจึงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท และเมื่อมาถึงประตูเมือง นี่แน่ะ หญิงม่ายคนหนึ่งที่นั่นกำลังเก็บฟืน ท่านจึงเรียกนางว่า “ขอเอาน้ำใส่ภาชนะมาให้ฉันสักหน่อย เพื่อฉันจะได้ดื่ม” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:10
เมื่อมาถึงเพียงประตูเมืองก็พบหญิงม่ายเลย สิ่งที่เอลียาห์ขอนั้นไม่ยากเกินกว่าจะจัดการ เธอก็ไปนำน้ำมาให้ แต่คำขอต้อมาในข้อ 11 “ขอนำขนมปังใส่มือมาให้ฉันสักหน่อยหนึ่ง” คำขอนี้เริ่มยากแล้วสำหรับหญิงม่ายคนนี้ เธอตอบกับเอลียาห์ไปตรงๆ ว่า เธอคงให้ไม่ได้เพราะเธอมีเพียงแป้งกำมือหนึ่งและน้ำมันเล็กน้อย เธอกำลังเก็บฟืนเพื่อจะเข้าไปทำขนมสำหรับตัวเองและลูกชาย เมื่อกินเสร็จแล้วก็จะเตรียมตัวตายเพราะไม่มีอะไรกินแล้ว
'แต่เอลียาห์บอกนางว่า “อย่ากลัวเลย จงไปทำตามที่เธอพูด แต่จงทำขนมก้อนเล็กให้ฉันก่อน แล้วเอามาให้ฉัน ภายหลังจึงทำสำหรับตัวเธอและลูกของเธอ เพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ‘แป้งในหม้อนั้นจะไม่ขาด และน้ำมันในไหนั้นจะไม่หมด จนกว่าจะถึงวันที่พระยาห์เวห์ทรงส่งฝนลงมายังพื้นดิน’ ” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:13-14
นี่เป็นสิ่งที่วัดใจสุดๆว่าจะเชื่อในสิ่งที่ยังมองไม่เห็นหรือไม่ เอาแป้งนั้นทำขนมมาให้เอลียาห์ก่อน แล้วหญิงม่ายจะไม่ขาดของกินเลย พวกเราบะครับว่ายังไงครับ บางครั้งในความขาดอาจจะทำให้ความเชื่อเราหวั่นไหวไปได้ แต่ขอให้เรื่องนี้จะทำให้ความเชื่อของเรายังคงมั่นคงในพระเจ้าต่อไป
'แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้ ' มัทธิว 6:33
สิ่งที่พระเยซูตรัสตรงนี้ คำสำคัญสำหรับผมคือ “ก่อน” ซึ่งตรงกับสิ่งที่เอลียาห์ขอจากหญิงม่าย ให้เธอนำขนมปังเล็กๆมาให้เอลียาห์ก่อน แป้งและน้ำมันของเธอจะไม่เคยหมด วันนี้สิ่งที่เราสามารถนำมาให้พระเจ้าก่อนได้คืออะไรบ้าง เราให้เวลากับพระเจ้าก่อนไหม เชื่อพระเจ้าก่อนไหม ให้การเชื่อฟังและว่างใจก่อนหรือเปล่า ให้พระเจ้าอยู่เหนือความกลัว หรือความอยากที่ไม่เคยพอของเราไหม เมื่อเราวางใจที่จะให้พระเจ้าก่อน พระองค์จะทรงเพิ่มเติมและจะดูแลเราแน่นอน อาจจะไม่ได้มีแบบสะสมไว้มากมาย แต่ผมเชื่อว่ามันเพียงพอ และเราจะไม่ขาดสิ่งจำเป็นในแต่ละวัน แต่การที่เราให้พระเจ้ามาก่อนจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้ากับเราดีขึ้นและมีมากขึ้นทุกวัน
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำขีวิต
ตอน ไปต่อด้วยความเชื่อ Ep.1460
1 พงศ์กษัตริย์ 17:7-9 ยังคงพาเราเรียนรู้ชีวิตแห่งความเชื่อของเอลียาห์ คนของพระเจ้าที่จำเป็นต้องก้าวเดินบนเส้นทางที่พระองค์นำไปทีละก้าว ในการเดินไปกับพระเจ้าสิ่งเดียวที่แน่นอนคือพระเจ้า เพราะพระองค์ทรงซื่อสัตย์ หลังจากที่เอลียาห์เชื่อฟังจนพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยง พระเจ้าทรงดูแลเขาทุกอย่าง ทรงเลี้ยงเขาผ่านกา มีขนมปังกับเนื้อเช้า–เย็น มีน้ำจากลำธารเครีทให้ดื่ม
'และต่อมาอีกหลายวัน ลำธารก็แห้ง เพราะไม่มีฝนในแผ่นดิน ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:7
ลำธารแห้ง เป็นความจริงที่ต้องเกิด เพราะไม่มีฝนเลยตามคำประกาศของเอลียาห์เอง จากสิ่งที่เคยพอ ต่อนี้ไม่มีแล้ว ถ้าเป็นความสามารถของมนุษย์ก็คงจบแล้ว แต่สำหรับพระเจ้าคำว่า “หมด ไม่มีเหลือแล้ว” ไม่มีอยู่ในสาระบบของพระเจ้า พระเจ้าทรงเปิดประตูบานใหม่ให้เอลียาห์ทันที
'แล้วพระวจนะของพระยาห์เวห์มายังเอลียาห์ว่า “จงลุกขึ้นไปยังเมืองศาเรฟัท ซึ่งขึ้นกับเมืองไซดอน และอาศัยอยู่ที่นั่น นี่แน่ะ เราได้สั่งหญิงม่ายคนหนึ่ง ที่นั่นให้เลี้ยงเจ้า” ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:8-9
พระเจ้าทรงรับผิดชอบคนของพระองค์เสมอ ครั้งที่แล้วสัญญาว่าจะเลี้ยงเขาผ่านฝูงกา ครั้งนี้สั่งให้เขาออกจากที่นั่นไปยังเมืองศาเรฟัท พระเจ้าสั่งให้หญิงม่ายเป็นคนดูแลเขา พระเจ้าจัดเตรียมทุกสิ่งไว้ให้แล้วและการจัดเตรียมของพระเจ้านั้นสุดอัศจรรย์เสมอ ถ้าเรามองตรงนี้พระเจ้าไม่พาเอลียาห์มาถึงลำธารเพื่อปล่อยให้เขาตาย แต่ทรงเตรียมเขาให้ไปต่อด้วยความเชื่อ ขอเราเองอย่ายึดติดอยู่กับลำธารหรือกาที่สร้างความมั่นใจที่คอยดูแลเราอยู่ แต่ขอให้เรายึดติดอยู่ อาศัยอยู่ในพระเจ้าผู้ทรกรัก และทรงซื่อสัตย์ต่อคนของพระองค์เสมอ
'ดังที่มีเขียนไว้ว่า “สิ่งที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่ใจมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนทั้งหลายที่รักพระองค์” ' 1 โครินธ์ 2:9
ถ้าสิ่งที่ทำให้เรามั่นใจหายไป อย่าตกใจให้รอคอยด้วยความหวังใจว่า พระเจ้ากำลังจะพาเราไปพบกับสิ่งใหม่ ถ้าสิ่งที่มีนั้นหมดหรือหายไปอย่าคิดว่าพระเจ้าทอดทิ้ง ให้เชื่อว่าพระเจ้ากำลังพาเราไปพบกับสิ่งที่เราคิดไม่ถึง หากทางเดิมนั้นถูกปิด ขอให้ใจของเราเตรียมพร้อมรับฟังและพร้อมเชื่อฟังที่จะเดินไปกับพระเจ้าอีกครั้ง เพราะการจัดเตรียมของพระเจ้ามีไว้พร้อมแล้ว พระเจ้าประทานสิ่งที่ดีแก่คนที่รักและเชื่อฟังพระองค์แน่นอน
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่236)
ตัว" A" ที่สำคัญยิ่งสำหรับผู้นำ!
“จงระลึกถึงบรรดาผู้นำของพวกท่าน ผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับพวกท่าน
จงพิจารณาดูผลบั้นปลายชีวิตของพวกเขา แล้วจงเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา”
~ฮีบรู 13:7 THSV11
“Remember your leaders, who spoke the word of God to you.
Consider the outcome of their way of life and imitate their faith.”
~Hebrews 13:7 NIV
ในพระธรรม ฮีบรู 13:7 และ 17-18
ผู้เขียนได้กำชับผู้อ่านจดหมายของท่าน
1.ให้ระลึกถึงบรรดาผู้นำผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับพวกเขา
2.ให้พิจารณาดูผลบั้นปลายชีวิตของพวกผู้นำเหล่านั้น
3.ให้เลียนแบบความเชื่อของพวกผู้นำเหล่านั้น
4.ให้นบนอบเชื่อฟังบรรดาผู้นำของเขาทั้งหลาย
5.ให้ตระหนักว่าพวกผู้นำเหล่านั้นดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกเขาอยู่
6.ให้สำนึกไว้ว่าผู้นำเหล่านั้นทำหน้าที่ถวายรายงานต่อพระเจ้าเกี่ยวกับพวกเขา
7.ให้ช่วยผู้นำเหล่านั้นทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี
8.ให้ไม่ทำให้ผู้นำเศร้าใจในการทำหน้าที่ของพวกท่าน ซึ่งไม่เป็นประโยชน์แก่พวกเขา
9.ให้อธิษฐานเผื่อผู้เขียนที่แน่ใจว่าเขามีมโนธรรมที่ดีและปรารถนาที่จะประพฤติตัวดีงาม
ขอให้เราปฏิบัติตามดังถ้อยคำดังที่กล่าวมาข้างต้นเหล่านั้น แก่ผู้นำของเรา จะดีไหม?
แต่หากเราประสงค์จะเป็นผู้นำ เราควรมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ก่อน นั่นก็คือ
1.Ability ~มีความสามารถในการสอน ดูแล&ทำงานตามบทบาทหน้าที่
“จงระลึกถึงบรรดาผู้นำของพวกท่าน ผู้กล่าวพระวจนะของพระเจ้ากับพวกท่าน“
~ฮีบรู 13:7ก.
2.Authority~มีสิทธิอำนาจในการนำและในการบังคับใช้อำนาจอย่างถูกต้อง
“จงนบนอบเชื่อฟังบรรดาผู้นำของท่านทั้งหลาย
เพราะว่าพวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่”
~ฮีบรู 13:17ก.
3.Availability~มีความพร้อมเสมอในการทำตามหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้
“จงอธิษฐานเผื่อเรา เพราะเราแน่ใจว่าเรามีมโนธรรมที่ดีและปรารถนาที่จะประพฤติตัวดีงาม
ในทุกเรื่อง”
~ฮีบรู 13:18
4.Adaptability~มีความยืดหยุ่นปรับตัวตามความเป็นจริงควบคู่ไปกับการอธิษฐานเผื่อคนอื่น
“ทรงให้พวกท่านเพียบพร้อมด้วยสิ่งดีทุกอย่าง เพื่อที่จะทำตามพระทัยของพระองค์โดย
ทรงทำงานในเรา ให้เกิดผลเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ทางพระเยซูคริสต์
ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน”
~ฮีบรู 13:21
5.Authenticity~มีความเป็นแบบอย่างชีวิตที่ถ่อมและมีความเชื่ออย่างคริสเตียนที่แท้จริง
”จงพิจารณาดูผลบั้นปลายชีวิตของพวกเขา แล้วจงเลียนแบบความเชื่อของพวกเขา”
~ฮีบรู 13:7ข.
6.Accountability ~มีความพร้อมที่จะรายงานในสิ่งทำอย่างโปร่งใส
“พวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่อย่างคนที่ต้องถวายรายงาน”
~ฮีบรู 13:17ข.
พี่น้องที่รัก
ขอให้เราเป็น “ผู้นำ”ที่มีคุณสมบัติ “A"เหล่านั้น ครบถ้วนในชีวิตของเรา
มี”A“ตัวใดขาดหายไปจากชีวิต หรือ คริสตจักรของคุณบ้างหรือไม่?
แล้วคุณจะสร้าง หรือ จะ ได้ คุณสมบัติที่ขาดไปนั้นมาอย่างไร?
วันนี้ ขอให้เรามาทำให้คริสตจักรเติบโต โดยการดำเนินชีวิต ทำงาน และปรนนิบัติรับใช้ ตามแนวทางที่พระคริสต์ผู้ซึ่งเป็นผู้นำแท้จริงได้สอนไว้
จนเกิดเป็นจริงตามคำกล่าวที่ว่า
“คริสตจักรเติบโต เมื่อทีมผู้นำยอมให้พระคริสต์นำก่อน!”
(The church grows when its leaders allow Christ to lead first.)
สุดท้ายนี้ ขอให้เรามาเห็นด้วยกับทั้งหมดที่ได้กล่าวมา
โดยที่เราจะร่วมกันตอบสนอง ด้วยการพูดตัว A ตัวสุดท้าย ออกมา คือคำว่า
“ Amen ”
…จะดีไหมครับ?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
22พฤศจิกายน2025 (ตอนที่236ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต
ตอน เชื่อฟังอย่างกล้าหาญ Ep.1459
1 พงศ์กัตริย์ 17:1-7 อิสราเอลเหนือยังอยู่ในการปกครองของอาหับกษัตริย์ที่ทำสิ่งชั่วร้ายในสายพระเนตรของพระเจ้ามากกว่ากษัตริย์ที่อยู่ก่อนหน้าเขา ตรงนี้เป็นจุดเริ่มต้นของงานรับใช้ของเอลียาห์ งานแรกของเขาก็เสี่ยงมากๆ
'เอลียาห์ชาวทิชบีอาศัยอยู่ในกิเลอาด ได้ทูลอาหับว่า “พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ซึ่งข้าพระบาทปรนนิบัติ ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด จะไม่มีน้ำค้างหรือฝนในปีเหล่านี้ฉันนั้น นอกจากตามคำของข้าพระบาท” '1 พงศ์กษัตริย์ 17:1
โดยส่วนตัวผมมองเอลียาห์เป็นคนของพระเจ้าที่กล้าหาญมากคนหนึ่ง คำประกาศนี้อาจทำให้เขาถูกฆ่าทันที แต่เอลียาห์เชื่อฟังไปพูดเพราะเขารู้ว่าพระเจ้าเป็นผู้ใช้เขาไป หลังจากที่เอลียาห์ได้ไปบอกอาหับแล้วพระเจ้าตรัสกับเขาว่า จงออกจากที่นี่ไปซ่อนตัวข้างลำธารเครีท พระเจ้าสัญญาจะดูแลเขาโดยให้ดื่มน้ำจากลำธาร และพระเจ้าสั่งให้ฝูงกาเลี้ยงเอลียาห์ที่นั้น เอลียาห์ก็เชื่อฟัง ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่พระเจ้าตรัส
'ฝูงกาก็นำขนมปังและเนื้อมาให้ท่านในเวลาเช้า และนำขนมปังและเนื้อมาในเวลาเย็น และท่านก็ดื่มน้ำจากลำธาร ' 1 พงศ์กษัตริย์ 17:6
ขอพระเจ้านำให้เราเชื่อฟังพระเจ้าเพราะว่าคำสั่งทุกคำสั่งที่พระเจ้าสั่งนั้นในสายตาเราอาจจะดูยากมาก แต่ขอให้เรากล้าหาญและเชื่อมั่นว่า พระเจ้าทรงเตรียมสิ่งที่จำเป็นไว้ให้แล้วสำหรับทุกอย่าง ทั้งก่อนเริ่มงาน ในขณะทำงานและหลังจากงานเสร็จแล้วด้วย ทุกคนความจำเป็นนั้น พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้แล้ว
'และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์ ' ฟีลิปปี 4:19
ขอให้เรากล้าหาญที่จะเชื่อฟังพระเจ้าในทุกคำสั่ง และในทุกสถานการณ์ เพราะเมื่อพระเจ้าสั่งแล้วพระองค์ก็จะจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้แม้งานจะเสี่ยงหรือยาก พระเจ้าจะไม่เคยปล่อยให้เราก้าวลำพังแม้แต่ก้าวเดียว เมื่อพระเจ้าใช้พระองค์ทรงจัดเตรียม เมื่อพระเจ้าสั่งพระองค์ทรงรับผิดชอบทุกอย่าง เมื่อเราเชื่อฟังและวางใจพระองค์ทรงสำแดงพระคุณของพระองค์กับเราเสมอ
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่235)
เราจะชนะการทดลองได้อย่างไร?
“ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์
พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้
และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้”
~1 โครินธ์ 10:13 THSV11
“No temptation has overtaken you except what is common to mankind.
And God is faithful; he will not let you be tempted beyond what you can bear.
But when you are tempted, he will also provide a way out so that you can
endure it.”
~1 Corinthians 10:13 NIV
มีคำกล่าวไว้ว่า
“ชัยชนะเหนือการทดลองไม่ใช่เรื่องของพลกำลัง
แต่เป็นเรื่องของการเลือกอย่างถูกต้องในทันที!”
(Victory over temptation is not about strength
but about choosing rightly at once.)
ดังนั้น ถ้าคุณอยากชนะการทดลอง คุณควรจะเลือกทำดังคำแนะนำ ต่อไปนี้ ในทันที
1.กำจัดต้นตอของการทดลอง~ให้ระวัง สถานที่ สภาพแวดล้อม ภาวะอารมณ์ ช่วงเวลา หรือ สื่อ
2.สร้างระบบป้องกันการทดลอง~ให้มีโครงสร้างและระบบรายงานตัวต่อกันอย่างโปร่งใส
ทั้งในบ้านและในคริสตจักร
3.สร้างความเข้มแข็งให้กับจิตใจเพื่อรับมือกับการทดลอง~ให้มีสติ มีใจ รู้เท่าทัน สามารถ
คิดวิเคราะห์ แยกแยะ และมีวิจารณญาณในการตัดสินใจเลือกทำ
4.แทนที่ความอยากด้วยกิจกรรมดีที่มีคุณค่า~ให้อาสาทำงานสร้างสรรค์ ช่วยเหลือคน
หรือออกกำลังกายอย่างถูกต้อง
5.สังเกตและสร้างจังหวะฝ่ายจิตวิญญาณ~ให้รักษาความมั่นคงเติบโตฝ่ายจิตวิญญาณ อย่าง
สมดุลเป็นธรรมชาติ สม่ำเสมอ ไม่ขาด ไม่น้อยไป และไม่เยอะเกินไป
6.คลุกคลี อยู่ใกล้กับบุคคลหรือชุมชนที่ใกล้ชิดพระเจ้า~ให้พวกเขานำเราเข้าใกล้พระเจ้า
อย่างสมควร
7.ติดสนิทกับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา~ให้ใช้เวลาพัฒนาจิตวิญญาณโดยเข้าเฝ้าพระเจ้าทุกวัน
8.สู้กับการทดลองด้วยพระวจนะของพระเจ้า~ให้เติมเต็มใจและสมองด้วยพระคัมภีร์
9.อธิษฐานและพึ่งพิงพระวิญญาณ~ให้ชนะการทดลองด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณ
10.ไม่อยู่หรือสู้กับการทดลองตามลำพัง~ให้มีกลุ่มคนที่ร่วมเคียงข้างช่วยเหลือไปด้วยกัน
11.ไม่กดดันตัวเองให้สมบูรณ์แบบหรือเป็นที่1ในทุกเรื่อง~ให้ผ่อนคลายไม่กดดันตัวเองเกินไป
12.ยอมรับความผิดพลาดและรีบแก้ไข~ให้ถ่อมใจยอมรับความจำกัดของตนแต่
พร้อมปรับปรุงตัว
13.เรียนรู้ว่าอะไรคือจุดอ่อนของเรา ~ให้ระมัดระวังตัวและปกป้องจุดอ่อนนั้นให้มากขึ้น
14.ให้เรียนรู้จักยุทธอุบายมารและยุทธศาสตร์ของโลก~ให้ตื่นตัว ไม่หลงกลมารและโลก
15.ให้ออกห่าง และหลีกเลี่ยงการทดลองให้ไกลที่สุด~ให้เลือกที่จะหนีจากการทดลองไว้ก่อน
16.ให้คิดถึงผลลัพธ์และราคาแพงที่ต้องจ่ายจากการพ่ายแพ้การทดลอง~ให้เตือนตัวเองถึง
หายนะที่จะตามมาจากการพ่ายแพ้การทดลองไว้ตลอดเวลา
17.ให้ต่อสู่กับการทดลอง เฉพาะเมื่อไม่มีทางหลีกเลี่ยงเท่านั้นและให้หนีเร็วที่สุด~ให้พึ่งกำลังและ
การช่วยเหลือจากพระเจ้าถ้าเราจำเป็นต้องสู้
18.ให้รับมือกับการทดลองด้วยความเชื่อ เชื่อฟังและวางใจในพระเจ้า~ให้เรามั่นใจไว้เสมอ
ว่าพระเจ้ามีทางออกให้ไว้ในบั้นปลาย
พี่น้องที่รัก
ขอให้เราตื่นตัวในการปกป้องตัวเองให้พ้นจากการทดลอง
ขอให้เราเฝ้าระวังด้วยการใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าและชุมชนของผู้ที่ศรัทธาในพระองค์
การที่เราไม่เข้าไปในการทดลอง และ การรับมือกับการทดลองอย่างถูกต้อง
นั่นก็คือ การชนะการทดลองแล้ว!
ขอให้เราจดจำไว้เสมอว่า
“หัวใจที่เฝ้าระวัง
จะล้มยากกว่าหัวใจที่มั่นใจในตัวเอง!”
(A watchful heart
falls less than a self-confident one.)
…อาเมนไหมครับ?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
21พฤศจิกายน2025 (ตอนที่235ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต
ตอน ถ้อยคำของพระเจ้าเป็นจริง Ep.1458
วันนี้ผมใช้เวลาสั้นๆ อยู่กับพระวจนะเพียงข้อเดียว คือ 1 พงศ์กษัตริย์ 16:34 เป็นเรื่องราวของฮีเอล ที่พยายามสร้างเมืองเยรีโคขึ้นมาใหม่
“ในรัชกาลของพระองค์ ฮีเอลชาวเบธเอลได้สร้างเมืองเยรีโค ท่านได้วางรากฐานเมืองนั้นโดยต้องเสียอาบีรัมบุตรหัวปีของท่าน และตั้งประตูเมืองโดยต้องเสียเสกุบบุตรสุดท้องของท่าน ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ ซึ่งตรัสทางโยชูวาบุตรนูน” 1 พงศ์กษัตริย์ 16:34
เรื่องนี้ทำให้เราย้อนกลับไปถึงพระธรมโยชูวา ในวันแรกที่เมืองเยรีโคพังทลาย พระเจ้าสถิตกับโยชูวา
'ดังนั้นแหละพระยาห์เวห์สถิตอยู่กับโยชูวา และชื่อเสียงของท่านเลื่องลือไปตลอดแผ่นดิน' โยชูวา 6:27
สิ่งที่เกิดขึ้นกับฮีเอลนั้นยืนยันรับรองว่า พระเจ้าสถิตอยู่กับโยชูวา เพราะถ้อยคำทุกคำที่ออกมาจากยูโชวานั้นเป็นจริง จึงนับได้ว่า พระเจ้าที่พูดผ่านโยชูวา เขาได้ประกาศคำสาปเกี่ยวกับเมืองเยรีโคไว้อย่างชัดเจนว่า
“คราวนั้นโยชูวาให้สาบานว่า ใครที่พยายามสร้างเมืองนี้คือเยรีโคขึ้นใหม่ ก็ให้ผู้นั้นถูกสาปแช่งเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ ผู้ใดวางรากลงก็ให้ผู้นั้นเสียบุตรหัวปี ผู้ใดตั้งประตูเมืองขึ้นก็ให้เสียบุตรสุดท้อง” โยชูวา 6:26
ทุกอย่างเป็นจริงตามนั้นไม่มีคลาดเคลื่อน สิ่งนี้สะท้อนถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า และความจริงที่เราต้องยึดมั่นเชื่อถือในพระวจนะของพระเจ้า และพระเจ้าทรงอยู่เหนือกาลเวลา ไม่ว่าจะผ่านไปเป็นร้อยปี จนมาถึงเราขณะนี้เป็นพันปี ความจริงของพระเจ้าก็ยังไม่เคยเปลี่ยนไป
'ต้นหญ้าก็เหี่ยวแห้ง และดอกไม้ก็ร่วงโรย แต่พระวจนะพระเจ้าของเราจะยั่งยืนเป็นนิตย์ ' อิสยาห์ 40:8
วันเวลาทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป เสื่อมสลายไป แต่พระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ยังคงยั่งยืนและไม่เปลี่ยนแปลง เพราะฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าใหญ่ยิ่งสูงสุด ขอให้เราเชื่อและวางใจว่า ความจริงของพระเจ้าจะไม่เคยเปลี่ยน หากพระเจ้าตรัสแล้วมันจะเกิดขึ้น ขอให้เรายังมีความหวังและยืนหยัดอยู่ในพระเจ้า ยืนหยัดอยู่ในถ้อยคำของพระองค์ด้วยกัน
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่234)
สุภาษิตล้ำค่าจากพระราชชนนี!
“ถ้อยคำของเลมูเอล พระราชาแห่งมัสสา พระราชชนนีตรัสสอนคำนี้แก่พระองค์
โอลูกแม่เอ๋ย โอ ลูกแห่งท้องแม่เอ๋ย โอ ลูกแห่งคำปฏิญาณของแม่เอ๋ย”
~สุภาษิต 31:1-2 THSV11
“The sayings of King Lemuel—an inspired utterance his mother taught him.
Listen, my son! Listen, son of my womb! Listen, my son,
the answer to my prayers!”
~Proverbs 31:1-2 NIV
เมื่อวานนี้ (วันพุธ19 พฤศจิกายน 2568) เวลา 11.00 น.
น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะผู้บริหาร กระทรวงวัฒนธรรม กรมการศาสนา นำ ศาสนิกชน 5 ศาสนา ได้แก่ ศาสนาพุทธ ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และ ศาสนาซิกซ์ จาก 15 องค์การ เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ผมและทุกคนที่ไปร่วม ต่างอาลัยและโศกาอาดูรเมื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ พระราชกรณียกิจ และพระดำรัสอันล้ำค่าของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
ทำให้ผมคิดถึง ในสมัยโบราณที่พระราชชนนี หรือ พระพันปีหลวง
ผู้ทรงมีปัญญาฉลาดเฉลียว มักมีอิทธิพลอย่างสูงต่อพระราชาที่เพิ่งครองราชย์
เหมือนดังที่พระราชชนนีของพระราชาเลมูเอล ตรัสสอน และทรงแนะนำ
เป็นสุภาษิตแด่พระราชาไว้ 3เรื่อง คือ
1.ให้กษัตริย์ต้องระวังการทดลองล่อลวงในเรื่องทางเพศ(สุภาษิต 31:2-3)คือ
1).อย่าเสียแรงกับเหล่าอิสตรี
2).อย่าเสียกำลังให้แก่บรรดา(หญิง)ผู้ที่ทำลายกษัตริย์
2.ให้กษัตริย์ต้องระวังการทดลองในเรื่องการดื่มเหล้าจนเมา(สุภาษิต 31:4-7)คือ
1).อย่าดื่มแล้ว ลืมคำหรือสิ่งที่ตราไว้ในตัวบทกฎหมาย ~เพราะไม่เหมาะ
2).อย่าดื่มแล้ว วินิจฉัยความของเจ้าทุกข์ให้เขวไป ~เพราะไม่เหมาะ
(หรือเปลี่ยนบทบัญญัติทำให้ผู้ที่ถูกกดขี่ข่มเหงเดือดร้อน)
โดยทรงอธิบายว่า
“สุรามีไว้ให้คนที่กำลังพินาศ เหล้าองุ่นมีไว้เพื่อผู้ที่ทุกข์ใจ
ให้เขาดื่มจะได้ลืมความอับจน และไม่นึกถึงทุกข์เข็ญของตนอีก”
3.ให้กษัตริย์ต้องใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่หลักของการเป็นพระราชา(สุภาษิต31:8-9)คือ
1).ให้ปกป้องสิทธิของทุกคนที่กำลังจะพินาศ
2).ให้พิพากษาอย่างชอบธรรม ให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนเข็ญใจ
ดังคำกล่าวที่ว่า
“อย่าเพียงแค่ปกครองผู้คน แต่จงปกป้องพวกเขาด้วยความยุติธรรม”
(Do not only rule the people; protect them with justice.)
ในพระคัมภีร์ตอนนี้ พระราชชนนี พันปีหลวง ได้ตรัสสอนกษัตริย์ เลมูเอล ไว้ว่า
“ถ้อยคำของเลมูเอล พระราชาแห่งมัสสา
พระราชชนนีตรัสสอนคำนี้แก่พระองค์
…โอลูกแม่เอ๋ย
…โอ ลูกแห่งท้องแม่เอ๋ย
…โอ ลูกแห่งคำปฏิญาณของแม่เอ๋ย
1.อย่าให้กำลังของเจ้าแก่ผู้หญิง หรือ
2.อย่าให้ทางของเจ้าแก่หญิงผู้ทำลายพระราชา
โอ เลมูเอลเอ๋ย…
…ไม่สมควรที่พระราชา
…ไม่สมควรที่
พระราชาจะเสวยเหล้าองุ่น หรือ
ผู้ครอบครองจะปรารถนาสุรา เกรงว่าเขาจะดื่มและ
1).ลืมคำที่ตราเป็นกฎหมายนั้นเสีย และ
2).วินิจฉัยความของเจ้าทุกข์ให้เขวไป
…จงให้สุราแก่ผู้ที่กำลังพินาศ และเหล้าองุ่นแก่ผู้ทุกข์ใจอย่างขมขื่น
…จงให้เขาดื่มและ
ลืมความยากจนของเขา และ
ไม่จดจำความระทมทุกข์อีกต่อไป
…จงอ้าปากของเจ้าแทนคนใบ้ เพื่อสิทธิของทุกคนที่กำลังจะพินาศ
…จงอ้าปากของเจ้า พิพากษาอย่างชอบธรรม
…จงให้ความยุติธรรมแก่คนยากจนเข็ญใจ!”
~สุภาษิต 31:1-9 THSV11
คำตรัสดังที่กล่าวมาข้างต้น ช่างเป็นคำสอนที่ยิ่งใหญ่ของพระราชชนนี ต่อพระราชาผู้ครองแผ่นดินเป็นอย่างยิ่ง
พี่น้องที่รัก
ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับคำกล่าวที่ว่า
“กษัตริย์จำนวนมากครองแผ่นดินด้วยกำลัง
แต่กษัตริย์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยสติปัญญาเท่านั้น
ที่ปกครองใจของประชาชนด้วยความรักและความจริงอย่างยุติธรรม!"
(Many kings can rule by power, but only the wise kings rule the hearts of the people justly with love and truth.)
ขอให้กษัตริย์ในโลกนี้ จะมีพระราชชนนีที่ดี ที่มอบคำแนะนำสั่งสอนอันล้ำค่าเช่นนี้
แด่พระองค์
…อาเมนไหมครับ?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
20พฤศจิกายน2025 (ตอนที่234ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
พระธรรมนำชีวิต
ตอน เลือกคู่ชีวิตให้ดี Ep.1457
คู่ชีวิตเป็นส่วนสำคัญอย่างมากในชีวิตของเรา ไม่ใช่แค่เพียงด้านความรักเท่านั้นแต่เป็นเส้นทางการเติบโตฝ่ายวิญญาณที่เราจะเดินร่วมกันด้วย คนที่เราแต่งงานด้วยสามารถพาเราเข้าใกล้พระเจ้าและอาจจะพาเราห่างพระเจ้าได้ สำหรับคนที่แต่งงานแล้ว ขอพระเจ้านำให้เรารัก ซื่อสัตย์ และเป็นพระพรต่อคู่ครองของเรา แม้ว่าบางคู่ครองอาจยังไม่รู้จักพระเจ้า ขอพระเจ้านำให้ชีวิตของเราจะเป็นพยานของพระเยซูแก่เขาเสมอ สำหรับคนที่ยังโสด 1 พงศ์กษัตริย์ 16:31–33 ให้บทเรียนสำคัญผ่านชีวิตของอาหับ ขอพระเจ้านำให้เราจะไม่ชินชาต่อบาปและเลือกคู่ครองที่ตรงตามพระทัยของพระเจ้า
'และต่อมา ดูเหมือนว่า การที่พระองค์ทรงดำเนินตามบาปของเยโรโบอัมบุตรเนบัทนั้นเป็นสิ่งเล็กน้อย พระองค์จึงทรงรับเยเซเบลพระราชธิดาของเอ็ทบาอัลพระราชาของชาวไซดอนมาเป็นมเหสี และไปปรนนิบัติพระบาอัล และนมัสการพระนั้น ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:31
การที่ชินชาต่อบาปและมองว่าบาปเป็นเรื่องเล็กน้อยคือปัญหาใหญ่ของชีวิต อาหับไปรับเยเซเบลมาเป็นภรรยาและหันไปนมัสการพระบาอัล อาหับสร้างแท่นบูชาพระบาอัลในนิเวศของพระบาอัลในกรุงสะมาเรีย เมื่อมีพระเจ้าอื่นก็เอาพระทุกอย่าง เขาสร้างพระอาเช-ราห์ สิ่งนี้ทำให้พระเจ้าโกรธ มากกว่าพระราชาแห่งอิสราเอลทุกพระองค์ซึ่งอยู่ก่อนหน้า ผมมองว่านี่เป็นผลของการเลือกคู่ครองที่ไม่มีพระเจ้า หรือมีพระอื่นมาแทนที่พระเจ้า
'อย่าเข้าเทียมแอกกับคนที่ไม่เชื่อ เพราะว่าความชอบธรรมจะมีส่วนอะไรกับความอธรรม? และความสว่างจะมีส่วนกับความมืดได้อย่างไร? ' 2 โครินธ์ 6:14
สำหรับคนที่กำลังมองหาคู่ครองอยู่ ขอให้เรายืนยันการเป็นลูกของพระเจ้าด้วยการฟังคำเตือนนี้ เชื่อฟังพระเจ้าจากเรื่องเล็กๆ ที่เราอาจจะเริ่มมองว่าใครๆเขาก็ทำกัน สำหรับคนที่แต่งงานแล้วมีลูกหลาน ขอให้เราอธิษฐานเผื่อเขาเสมอสำหรับเรื่องคู่ครอง เพราะชีวิตสมรสเป็นทิศทางที่จะนำชีวิตของเขาเข้าหาพระเจ้าหรือนำออกจากทางของพระเจ้า ขอให้พระวิญญาณที่สถิตอยู่ในชีวิตของเราจะนำให้เราไม่ชินชาต่อบาปไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หากเป็นสิ่งที่พระเจ้าไม่ชอบ ให้เราขอกำลังจากพระองค์ที่เราจะหยุดความคิดนั้น หรือหยุดความอยากจะทำสิ่งนั้น คำว่า อย่า มีความหมายว่า หากเราทำอยู่ให้หยุดทันที แต่ถ้ายังไม่เริ่มทำขอให้เราไม่เริ่มสิ่งนั้นแม้แต่ในความคิด
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่233)
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่233)
จงระวังการทดลอง!
“ท่านทั้งหลายจงเฝ้าระวังและอธิษฐาน เพื่อจะไม่ถูกการทดลอง
จิตวิญญาณพร้อมแล้วก็จริง แต่กายยังอ่อนกำลัง””
~มาระโก 14:38 THSV11
“Watch and pray so that you will not fall into temptation. The spirit is willing, but the flesh is weak.””
~Mark 14:38 NIV
“การทดลอง”(Temptation) หมายความถึง
“ความพยายามที่จะชักจูงให้ใครบางคน
ทำในสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่ถูกต้อง หรือ
สิ่งที่ทำให้คนเราอยากได้และต้านทานได้ยาก”
“การทดลอง”หรือ “การล่อลวง” จึงหมายถึง
1.การล่อลวงหรือการยั่วใจ ที่หมายถึงการกระทำที่พยายามชักจูงให้ทำสิ่งที่ไม่ดี 2.สิ่งล่อใจหรือสิ่งยั่วยวน ที่หมายถึงสิ่งที่ดึงดูดความสนใจและทำให้รู้สึกอยากได้
แล้วตามหลักคำสอนของพระคัมภีร์ การทดลองหรือการล่อลวงคืออะไร?
พระคัมภีร์มองว่า การทดลอง/การล่อลวง (Temptation) คือ
“สิ่งที่ดึงใจเราให้หันออกจากพระเจ้า ไปสู่อะไรที่ผิดน้ำพระทัยพระองค์
อาจมาในรูปของความอยาก ความโกรธ ความอยากเอาชนะ ความหยิ่ง
ความสะดวกสบายเกินไป หรือแม้แต่ความกลัว”
ดังนั้น ลักษณะดึงดูด3ประการ ของการทดลอง คือการ
1).ดึงเราให้ออกห่างจากพระเจ้า
2).ดึงเราให้เข้าหาบาป
3).ดึงเราให้ทำผิดน้ำพระทัยของพระเจ้า
โดยพระคัมภีร์บอกเราว่าการล่อลวงหรือ การทดลองนั้น มาจาก3 แหล่งหลัก ๆ:
1).จากเนื้อหนังภายในของเราเอง ~นั่นคือ ตัณหาของตัวเอง
“แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ
เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย”
~ยากอบ 1:14-15 THSV11
2).จากโลก ~นั่นคือ ระบอบและระบบซึ่งเป็นศัตรที่ปฏิเสธและต่อต้านพระเจ้า
“อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าใครรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น
เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนง
ในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลก และโลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลัง
ผ่านพ้นไป แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์”
~1 ยอห์น 2:15-17 THSV11
3).จากซาตาน นั่นคือการล่อลวงและโจมตีของมาร
“จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร
ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้”
~1 เปโตร 5:8 THSV11
แม้แต่พระเยซูเองก็ยังต้องถูกทดลองในถิ่นทุรกันดาร(มัทธิว 4)
ดังนั้น ต่อให้เราระวังตัวมากสักแค่ไหน แต่การทดลองจะมาถึงชีวิตของเราแน่นอน
ลักษณะของการทดลอง หรือ การล่อลวงตามที่เปิดเผยไว้พระคัมภีร์ คือ
1.การล่อชวนทางหูและทางตา~ให้อยาก เพราะสิ่งนั้นน่าดู หรือน่าลอง
2.การโน้มน้าวให้ลงมือทำ ~ให้ขยับจากความคิด มาเป็นการลงมือทำ
3.การทดลองมักเกิดขึ้น ในช่วงที่เราอ่อนแอ เหนื่อยล้า ชะล่าใจ หรือสุขสบาย
4.การทดลองมักจะเริ่มต้นจากสิ่งที่ดูเล็กๆ และค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
และบ่อยครั้งที่ การทดลองนั้น ดูดีจากภายนอก แต่บ่อนทำลายอยู่ภายใน
พี่น้องที่รัก
“มารทดลองเพื่อให้เราล้มลง แต่พระวจนะของพระเจ้าช่วยให้เรายืนหยัด!”
“The enemy tempts us to fall, but God’s Word helps us stand.)
ด้วยเหตุนี้ ขอให้เราตื่นตัวไม่ประมาท
ต้องคอยระวัง อย่าเข้าไปในการทดลอง อย่าอวดดี คิดว่าจะ “เอามันอยู่!”
เพราะคนที่คิดเช่นนั้น มักมีบั้นปลายผิดคาดคือ ”ถูกมันเอาอยู่“!
ขอให้เราฟังพระวจนะของพระเจ้า และทำตามคำสอนของพระเยซูที่แนะนำ ให้เราอธิษฐานต่อพระเจ้าพระบิดา ว่า
“และขออย่าทรงนำพวกข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง
แต่ขอให้พวกข้าพระองค์พ้นจากความชั่วร้าย ’”
~มัทธิว 6:13 THSV11
“And lead us not into temptation,
but deliver us from the evil one. ’”
~Matthew 6:13 NIV
…เห็นด้วยไหมครับ?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
19พฤศจิกายน2025 (ตอนที่233ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย #อัลฟ่า #หนึ่งล้านความดี
“
พระธรรมนำชีวิต
ตอน นักทำลายสถิติ Ep.1456
ในเวลาไม่กี่สิบปีอิสราเอลเหนือเปลี่ยนการปกครองไปถึง 4 ราชวงศ์ 1 พงศ์กษัตริย์ 16:21-30 เป็นช่วงเวลาของอม-รี แค่เพียงเริ่มต้นอิสราเอลก็แบ่งเป็นสองฝ่าย ประชาชนครึ่งนึงไปสนับสนุนทิบนีขึ้นเป็นกษัตริย์ แต่ฝั่งอม-รี รบชนะจึงได้ขึ้นปกครองอิสราเอลเหนือ สิ่งที่อมรีทำคือซื้อภูเขาและสร้างเมืองขึ้นโดยตั้งชื่อเมืองนั้นว่า สะมาเรีย
'อม-รีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ และทรงทำชั่วยิ่งกว่าบรรดากษัตริย์ผู้อยู่ก่อนพระองค์ เพราะพระองค์ทรงดำเนินตามทางทั้งสิ้นของเยโรโบอัมบุตรเนบัท และตามบาปของพระองค์ซึ่งทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลกริ้วด้วยรูปเคารพทั้งหลายของพวกเขา ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:25-26
อม-รีทรงทำสิ่งที่ชั่วในสายพระเนตรพระเจ้า พระวจนะของพระเจ้าระบุชัดเจนว่า เขาทำชั่วยิ่งกว่ากษัตริย์ที่อยู่ก่อนหน้าเขา เขาทำตามเยโรโบอัม คือสร้างรูปเคารพ และนำให้ประชากรของพระเจ้ากราบไหว้รูปเคารพนั้นแทนพระเจ้า อม-รี ปกครองได้เพียง 12 ปีแล้วก็เป็นเวลาของลูกชายที่ชื่อ อาหับ ชื่อนี้ผมว่าเราคุ้นเคยกันดี
'และอาหับพระราชโอรสของอม-รีได้ทรงทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ มากยิ่งกว่าบรรดาพระราชาที่อยู่ก่อนพระองค์ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:30
สองพ่อลูกนี้เหมือนกัน คือเป็นนักทำลายสถิต พระวจนะของพระเจ้าบันทึกความชั่วร้ายของเขาทั้งสองไว้เหมือนกันว่า ทำชั่วยิ่งกว่ากษัตริย์คนก่อนๆ ซึ่งกำลังหมายความว่า อาหับทำชั่วกว่าพอของเขาคืออม-รี
'แต่วิถีของคนชอบธรรมเหมือนแสงอรุณ ซึ่งฉายสุกใสยิ่งๆ ขึ้นจนสว่างเต็มที่ ทางของคนอธรรมก็เหมือนความมืดทึบ พวกเขาไม่ทราบว่าสะดุดอะไร ' สุภาษิต 4:18-19
ในยุคของเรา การเป็นนักทำลายสถิติด้านความชั่วไม่ใช่เรื่องยาก เพราะความผิดบาปของคนรุ่นก่อนอาจทำให้เราชินชา หรืออาจจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม ขอให้พระเจ้าและผู้คนจดจำเราว่า เราเป็นนักทำลายสถิติในด้านความดี ขอให้เราลูกของพระเจ้าที่บังเกิดใหม่แล้วในพระเยซู มีแหล่งกำเนิดความดีในตัวแล้ว จะทำดีกว่าที่พ่อแม่เราเคยทำ จะรักษาความบริสุทธิ์มากกว่ารุ่นก่อน รักคนให้มากกว่าที่เคยได้รับมา จะ อดทนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน จะเชื่อฟังพระวจนะมากขึ้นทุกวัน ขอให้ผู้คนจดจำเราไม่ใช่เพราะความชั่วที่เราทำ แต่พวกเขาจะจดจำเราเพราะความดีที่เราทำเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่232)
อำลา …แต่อาลัยไม่ลืม”
(Gone… but never forgotten)
“ความตายของผู้จงรักภักดีต่อพระองค์
สำคัญในสายพระเนตรพระยาห์เวห์”
~สดุดี 116:15 THSV11
“Precious in the sight of the Lord
is the death of his faithful servants.”
~Psalms 116:15 NIV
เมื่อคืน(17พฤศจิกายน2025)
ผมตั้งใจไปร่วมงานไว้อาลัย คุณครู วรรณดี คันธวงค์ ที่คริสตจักรวัฒนา
คุณครู วรรณดี คันธวงศ์(2464-2568) เป็นผู้จงรักภักดีต่อพระเจ้าที่เห็นชัดที่สุดคนหนึ่ง
ท่านล่วงหลับ เมื่ออายุ104ปี
ท่านเป็นอดีตอาจารย์ใหญ่-ผู้จัดการโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และนายกสมาคมYWCAแห่งประเทศไทย
ท่านเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่พระเจ้าทรงโปรดปราน ในฐานะบุตรีของพระเจ้า
และเป็นผู้ที่เราสัมผัสได้ถึงศรัทธาในพระเจ้าอันมั่นคง และประทับใจในแบบอย่างชีวิตที่ดีงามของท่าน
เราจึงมาร่วมกันส่งท่านกลับบ้านใหม่ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้ให้ในสวรรค์
ผมจึงขอร่วมส่งคำอาลัย
(เขียนขึ้นในระหว่างร่วมพิธี) มา ณ ที่นี้ ดังนี้
“ครูวรรณดี ที่รัก พักสงบ
งานท่านจบ ครบถ้วน ล้วนประเสริฐ
ทุกสิ่งสรร ท่านทำ ล้วนล้ำเลิศ
ควรชูเชิด เปิดเผย ไม่เฉยเมย
ครูวรรณดี ภักดี องค์ภูมี
ยอดสตรี ศักดิ์ศรี วัฒนา
เลื่องลือไป แสนไกล ในศรัทธา
ท่านรักษา ชีวา น่าชื่นชม
ครูวรรณดี ครูดี มีฝีมือ
ผ่านฝึกปรือ เรียนรู้ คู่นิสัย
ท่านสุขใจ รับใช้ ไม่หวั่นไหว
ท่านฝักใฝ่ ทำให้ ถูกพระทัย
ครูวรรณดี ครูนี้ ดีชื่อเสียง
ท่านไม่เลี่ยง เกี่ยงงาน ไม่เกียจคร้าน
สิ่งท่านทำ ค้ำชู อยู่ยืนนาน
ท่านสืบสาน ปณิธาน วิญญาณครู
ศิษย์ทั้งหลาย ร่วมใจ อาลัยรัก
ต่างประจักษ์ ความดี ที่ล้ำค่า
เป็นต้นแบบ สร้างคน ล้นเมตตา
ขอวันทา อำลา ด้วยอาลัย“
ใช่ครับ ผมอาลัยคุณครู วรรณดี
ด้วยหลายเหตุผล และหนึ่งในเหตุผลเหล่านั้น ก็คือ
คุณครู เป็นแฟนคลับตัวยงของผมที่มักจะถามหาหนังสือใหม่จากผมเสมอ
(ผมมีFC งานเขียนกิตติมศักดิ์ที่เป็นผู้อาวุโสมากอยู่2ท่าน ที่ท่านให้เกียรติอย่างสูงต่อชีวิตของผม
ท่านหนึ่งคือ พระคารดินัล มีชัย กิจบุญชู และอีกท่านก็ ครูวรรณดี ผู้จากไป)
วันนี้ คงไม่มีพื้นที่พอจะพรรณาถึงความดีของท่านอาจารย์ได้หมด
แต่เรื่องราวอันเป็นตำนานของท่านจะยังคงถูกบอกเล่าต่อไปอีกนานแสนนาน
เหมือนดังคำกล่าวที่ว่า
“ ตำแหน่งอยู่ไม่นาน แต่ตำนานจะคงอยู่ตลอดไป!”
ขอให้ความดีและความจงรักภักดีของอาจารย์วรรณดี คันธวงศ์ ที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
จะเป็นตำนานที่คงอยู่อย่างยืนนาน
ที่ลูกศิษย์ลูกหาและผู้ที่รักท่านจะปฏิบัติตามอย่างของท่านนั้น
และจะมีผู้สืบสานแบบอย่างอันโดดเด่นของท่านต่อไปแบบรุ่นต่อรุ่นสืบไป
จนกว่าจะถึงวันสิ้นยุค
พี่น้องที่รัก
“ทุกคำอำลาคือบทเรียน ให้เราทนุถนอมทุกช่วงนาทีที่เรายังมีอยู่
และใช้เวลาที่เหลือเหล่านั้นให้ดีที่สุด!”
(Every goodbye is
a lesson to cherish every moment we still have.”
…จะดีไหมครับ?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
18พฤศจิกายน2025 (ตอนที่232ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก#Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย
พระธรรมนำชีวิต
ตอน ดูกันที่ตอนจบ Ep.1455
ชีวิตที่ไม่มีพระเจ้ามักเต็มไปด้วยความวุ่นวายเสมอ 1 พงศ์กษัตริย์ 16:15-20 ทำให้เราเห็นภาพนี้อย่างชัดเจนในอิสราเอลฝ่ายเหนือ กษัตริย์ทำสิ่งที่พระเจ้าเกลียดชัง และพาประชาชนห่างออกห่างจากพระเจ้า ผลคือการเปลี่ยนราชวงศ์อย่างต่อเนื่อง ตรงกันข้ามกับฝ่ายใต้ ยูดาห์ยังคงอยู่ภายใต้ราชวงศ์ของดาวิด ผ่านการครองราชย์ของอาสา กษัตริย์ที่รักพระเจ้าและใช้ชีวิตในทางของพระเจ้า หลังจากที่ครอบครัวของเยโรโบอัมและบาอาชาถูกกวาดล้างซึ่งเป็นไปตามถ้อยคำของพระเจ้า ศิมรีที่จัดการครอบคัวของบาอาชาทั้งหมดขึ้นปกครองอิสราเอลเหนือ แต่เขาปกครองได้เพียง 7 วัน ประชาชนไม่ยอมรับและแต่งตั้ง อม-รี ขึ้นเป็นพระราชและยกทัพขึ้นไปล้อมเมืองทิรซาห์
'และต่อมาเมื่อศิมรีทรงเห็นว่าเมืองนั้นแตกแล้ว ก็เสด็จเข้าไปในป้อมของพระราชวัง และทรงเผาพระราชวังเสียด้วยไฟ และสิ้นพระชนม์ เพราะบาปซึ่งพระองค์ทรงทำไว้ คือทรงทำชั่วในสายพระเนตรพระยาห์เวห์ ทรงดำเนินในทางของเยโรโบอัม และด้วยบาปซึ่งพระองค์ทรงทำ ทรงนำอิสราเอลทำบาปด้วย ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:18-19
ศิมรีปกครองได้เพียง 7 วันเท่านั้นก็ทำลายพระราชวังและจบชีวิต พระวจนะของพระเจ้าได้บอกเหตุผลไว้ว่า เขาทำสิ่งชั่วในสายพระเนตรของพระเจ้า หากเราถ้อยหลังมองภาพกว้างๆ เราจะเห็นว่าชีวิตที่ไม่มีพระเจ้าจะพบกับความวุ่นวายซึ่งปลายทางคือความพินาศ แต่สำหรับผู้เชื่อและวางใจในพระเยซูแม้ว่าเราจะผ่านเรื่องยุ่งเหยิงเหมือนกัน แต่ปลายทางของเรานั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
'เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ ' โรม 8:28
ปลายทางที่แตกต่างระหว่างสิ่งผลดีกับความพินาศ คือความแตกต่างของคนที่มีพระเจ้าและคนที่ละทิ้งไม่เอาพระเจ้า ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนรู้ว่า ในเวลาที่เราเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า เราอาจจะพบกับเรื่องยุ่งเหยิงเหมือนกัน ในเวลาแบบนั้นขอให้เรายังคงรักษาชีวิต รักษาความสัมพันธ์กับพระเจ้าไว้ เพราะเหตุการณ์ทุกอย่างไม่ว่าจะดีหรือร้ายนั้น พระเจ้าจะนำให้เกิดผลดีตามพระสัญญาของพระองค์แน่นอน ขอให้เราเดินไปกับพระเจ้าด้วยความรัก ความยำเกรงผ่านการเชื่อฟัง โดยมีความหวังใจเสมอว่า ชีวิตของเราปลายทางคือความสุขนิรันดร์ที่บ้านของพระเบิดา ขอพระเจ้าอวยพระพรและนำเราทุกคนครับ
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
พระธรรมนำชีวิต
ตอน อย่าฉายหนังซ้ำ Ep.1454
เรื่องราวใน 1 พงศ์กษัตริย์ 16:8-14 ผมรู้สึกว่าเหมือนกำลังดูหนังซ้ำเลยเพียงแต่เปลี่ยนตัวแสดง เรื่องราวนี้ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเยโรโบอัมและลูกชายของเขา ตอนนี้กำลังเกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งกับบาอาชาและลูกชายของเขา พระวจนะบอกว่าเมื่อบาอาชาเสียชีวิตเอลาห์ลูกชายก็ขึ้นปกครองแทน ในขณะที่กษัตริย์ที่รักพระเจ้าของยูดาห์ยังคงเป็นอาสา แต่เอลาห์ปกครองเพียง 2 ปีก็ถูกศิมรีข้าราชการของเขาเองก่อการกบฎ เรื่องนี้เหมือนที่บาอาชาเคยทำต่อนาดับลูกของเยโรโบอัมแบบไม่มีผิดเพี้ยน ก่อนหน้านี้พระเจ้าได้ส่งเยฮูผู้เผยพระวจนะมากล่าวโทษบาอาชาไว้และทุกอย่างก็เป็นจริงตามนั้นเลย
'ดังนั้นศิมรีทรงทำลายราชวงศ์ของบาอาชาจนสิ้น ตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ซึ่งทรงกล่าวโทษบาอาชาโดยเยฮูผู้เผยพระวจนะ เพราะบาปทั้งสิ้นของบาอาชาและบาปของเอลาห์ พระราชโอรสของพระองค์ซึ่งได้ทรงกระทำ และทรงทำให้อิสราเอลทำบาปด้วย ทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลกริ้วด้วยเรื่องรูปเคารพ ' 1 พงศ์กษัตริย์ 16:12-13
เอลาห์ไม่ได้รับโทษเพียงเพราะบาปของพ่อ แต่เพราะบาปของตัวเขาเองด้วย เขาทั้งสองเดินซ้ำรอยเยโรโบอัมและนาดับที่ทำชั่วและนำอิสราเอลไปกราบไหว้พระอื่น นี่เหมือนหนังที่นำมาทำใหม่แต่เปลี่ยนตัวแสดง ผมมองว่าในยุคของเราแม้ว่าผลกรรมบาปเราอาจจะไม่ต้องรับในเวลานี้ แต่ผมอยากให้เรามองถึงชีวิตจริงของเรา ขอให้เรามองและเรียนรู้จากเรื่องราวในพระวจนะของพระเจ้าและจากผู้คนรอบตัว หลายครั้งที่เรามองเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วคิดว่า มันจะไม่เกิดขึ้นกับตัวเรา ขอพระเจ้านำเราที่จะมองเรื่องนี้เป็นบทเรียนเพื่อเราเองจะไม่ฉายหนังซ้ำเหมือนกัน
'เพราะเหตุนี้คนที่คิดว่าตัวเองมั่นคงดีแล้ว ก็จงระวังไม่ให้ล้มลง ' 1 โครินธ์ 10:12
เมื่อเราอ่านเรื่องของเยโรโบอัมและนาดับ บาอาชากับเอลาห์เห็นปลายทางของเยโรโบอัมแล้ว แต่พวกเขาเองไม่กลับใจ พวกเขายังเลือกใช้ชีวิตแบบเดิม วันนี้พระวจนะกำลังเตือนเราว่า อย่าฉายหนังซ้ำในชีวิตของเราเอง อย่าคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดขึ้นกับเรา หรือคิดว่า เรื่องนี้เราเอาอยู่แน่นอน อย่าคิดว่าขอทำแค่ครั้งเดียว ไม่น่าจะมีอะไร หากพวกเราคิดว่าเรามั่นคงดีแล้ว นี่เป็นคำสั่งว่า จงระวังไม่ให้ล้มลง ขอให้เราระมัดระวังรักษาชีวิตของเราให้มั่นคงต่อไปในพระเจ้า ให้ชีวิตของเราคงอยู่ในความสัมพันธ์ที่พระเจ้าได้เริ่มต้นให้เราต่อไปให้ดี ให้ชีวิตของเราผูกพันติดสนิทอยู่ในพระเจ้าและอยู่ในถ้อยคำของพระองค์เสมอ
วุฒิ วงศ์สรรเสริญ
คอลัมน์ “สดแต่เช้า”ปีที่5 (ตอนที่231)
บรรยากาศ(Atmosphere) สำคัญไฉน?
“เพราะฉะนั้นจงต้อนรับกันและกัน
เช่นเดียวกับที่พระคริสต์ได้ทรงต้อนรับท่าน
เพื่อพระเกียรติของพระเจ้า”
~โรม 15:7 THSV11
“Therefore, [continue to] accept and welcome one another,
just as Christ has accepted and welcomed us
to the glory of [our great] God.”
~Romans 15:7 AMP
Atmosphere (บรรยากาศ) หมายความถึง
“ความรู้สึกหรือสภาพแวดล้อมของสถานที่ หรือ สภาพที่โดดเด่น“
คุณเห็นด้วยกับคำกล่าวไปนี้หรือไม่ ที่ว่า
“บรรยากาศที่ดีคือดินดี
ที่พระวจนะของพระเจ้าหยั่งรากและเติบโต!”
(A good atmosphere is fertile soil
where the Word can take root and grow.)
“บรรยากาศ”สำคัญอย่างไรต่อการอยู่ร่วมกันในคริสตจักร?
1.สัมผัสกับความประทับใจในประสบการณ์แรกพบตั้งแต่ก้าวแรก
บรรยากาศที่ต้อนรับหรืออบอุ่น ทำให้ผู้มารู้สึกว่า“ที่นี่มีพระเจ้าจริง ๆ”
1).บรรยากาศที่ดีช่วยทำให้คนเปิดใจ
2).บรรยากาศที่ตึงเครียดทำให้คนปิดใจ
2.สร้างความปลอดภัยทางใจและฝ่ายวิญญาณ
บรรยากาศที่เป็นมิตร ทำให้คนรู้สึก
1).ได้รับการต้อนรับ
2).ได้รับการยอมรับ
3).ได้รับความรัก
4).ปลอดภัยไม่ถูกตัดสิน
5).พร้อมเปิดใจต่อพระวจนะ
6).ได้รับการรักษาความบาดเจ็บ และ
7).ได้รับการดึงให้กลับมาสู่ชุมชน
3.ส่งเสริมการเจริญเติบโตฝ่ายวิญญาณ
บรรยากาศที่สัมผัสจิตวิญญาณ
1).ทำให้คนจะเปิดใจรับการสอน
2).ทำให้คนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงชีวิตในพระคริสต์
3).ทำให้พระวจนะได้หยั่งรากลึกลงในใจของคนที่ชอบบรรยากาศเช่นนี้
4.สนับสนุนให้มีการใช้ของประทานฝ่ายวิญญาณได้อย่างอิสระ
บรรยากาศที่ร้อนรน ด้วยพระวิญญาณ
1).ทำให้เกิดการนมัสการอย่างมีชีวิตชีวา
2).ทำให้เกิดการอธิษฐานร่วมกันและเผื่อกัน
3).ทำให้มีการใช้ของประทาน ในการรับใช้
~การสอน/การเทศน์
~การหนุนใจ
~การเยียวยารักษา ฯลฯ
5.เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวฝ่ายวิญญาณ
บรรยากาศแห่งความรักและความเมตตาหล่อหลอมผู้เชื่อให้
1).อยู่ร่วมกันได้
2).อดทนต่อกัน
3).ให้อภัยกัน
4).สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน
6.สามารถเป็นคำพยานต่อคนภายนอกคริสตจักร
บรรยากาศแห่งความสามัคคีในการกระทำดี ทั้งต่อคนภายในและภายนอก ทำให้
1).คนภายในมีความสุข
2).คนภายนอกได้รับความสุขไปด้วย
3).คนภายนอกเข้ามาสัมพันธ์ใกล้ชิด และเปิดใจต่อข่าวประเสริฐ
สรุป
Atmosphere (บรรยากาศ)คือหัวใจของการอยู่ร่วมกันในคริสตจักร เพราะเป็นตัวกำหนดว่า
•คนจะเปิดใจหรือปิดใจ
•คนจะเติบโตหรือถดถอย
•คนจะผูกพันหรือถอยห่าง
•คนจะเห็นพระคริสต์หรือเห็นแต่ปัญหา?
“Atmosphere(บรรยากาศ )ที่เต็มด้วยพระคริสต์
ช่วยทำให้คนเป็นตัวของตัวเอง และกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง”
(An atmosphere filled with Christ
helps people be themselves and dare to change.)
และบรรยากาศแบบที่เต็มด้วยพระคริสต์ เกิดจาก
ความรัก – ความถ่อมใจ – การต้อนรับ – การหนุนใจ
ใช่ครับ Atmosphere of Love หรือ บรรยากาศแห่งความรัก คือ
คำพยานฝ่ายวิญญาณที่สำคัญและทรงพลังที่สุด!
ดังคำที่กล่าว่า
“สถานที่จะกว้างขวางหรือจะเล็กแค่ไหนล้วนไม่สำคัญ
แต่บรรยากาศความรักและหัวใจที่พร้อมร่วมแบ่งปันกัน
ภายในที่นั้นต่างหากที่สำคัญที่สุด”
(The size of a place—whether large or small—does not truly matter;
what matters most is the atmosphere of love and the shared heart within it.)
…อาเมนไหม?
~~~~~~~~~~~~~
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
17พฤศจิกายน2025 (ตอนที่231ของปีที่5)#YoutubeCJCONNECT#คริสตจักรแห่งความรัก #Churchoflove #ShareTheLoveForward #ChurchOfJoy #คริสตจักรแห่งความสุข #NimitmaiChristianChurch #คริสตจักรนิมิตใหม่ #ฮักกัยประเทศไทย